คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 304/2486

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากจำเลย จำเลยไห้การว่าทรัพย์พิพาทนี้เดิมเปนของโจทจิง แต่ได้ขายไห้จำเลยและชำระ+แล้ว เมื่อโจทไม่สืบพยานจำเลยก็เปนฝ่ายชนะ
(อ้างดีกา 1541/2482)

ย่อยาว

โจทฟ้องว่า โจทวานจำเลยไห้นำเครื่องเรือนรวมราคา ๒๒๗ บาท ไปฝากเจ้าอาวาสวัดกะวิสราราม พายหลังจำเลยไปเอาของนั้นคืนมาเปนของตนเสียโดยกล่าวว่าโจท+ไห้ซึ่งไม่ไช่ความจิง จึงขอบังคับไห้จำเลยคืนของ
จำเลยไห้การว่า ทรัพย์รายนี้เปนของโจทจิง แต่ต่อสู้ว่า โจทได้ขายไห้จำเลยเปนเงิน ๑๐๐ บาท จำเลยชำระราคาไห้โจทแล้ว
คู่ความรับกันว่า ทรัพย์หยู่ที่จำเลยและต่างแถลงไม่สืบพยาน
สาลชั้นต้น พิพากสาไห้จำเลยส่งทรัพย์ไห้โจท
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรณ์พิพากสากลับไห้ยกฟ้องโจท
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าคดีนี้โจทจำเลยรับกันว่าไครครอบครองผู้นั้นเปนเจ้าของ โจทเปนฝ่ายที่มิได้ครอบครอง เมื่ออ้างว่าเปนเจ้าของโดยมิได้ขายไห้แก่จำเลยโจทก็มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ตามฟ้อง เมื่อโจทไม่นำพิสูจน์โจทก็ต้องแพ้คดีตามนัยคำพิพากสาดีกาที่ ๑๕๔๑/๒๔๘๒ จึงพิพากสายืน

Share