คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3246/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ช.ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ย่อมมีความหมายรวมอยู่ในอำนาจที่โจทก์มอบให้ ช.ดำเนินคดีแพ่งทั้งปวงเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินตามฟ้อง ดังที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจ ไม่จำเป็นต้องระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องใครโดยชัดแจ้งทุกรายไป

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 39,018 บาท พร้อมดอกเบี้ยยกฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่ศาลล่างทั้งสองฟังมาว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าซ่อมเครื่องยนต์เป็นเงิน 37,600 บาท โดยชำระหนี้ดังกล่าวให้โจทก์ด้วยเช็คตามเอกสารหมาย จ.2 จ.3 และ จ.4 เมื่อเช็คดังกล่าวถึงกำหนด โจทก์นำไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็ค ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้จากจากจำเลย จึงมอบอำนาจให้นายชูเกียรติ เวชสุภากุล ฟ้องเรียกเงินตามเช็คทั้งสามฉบับจากจำเลย ตามหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้อง

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ใบมอบอำนาจท้ายฟ้องของโจทก์ไม่มีข้อความตอนใดระบุไว้ว่า นายดำ สุวรรณิน ได้มอบอำนาจให้นายชูเกียรติ เวชสุภากุล ดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 นายชูเกียรติ เวชสุภากุลจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 นั้น ตามหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องระบุไว้ว่า ฯลฯนายคำ สุวรรณิน มอบอำนาจให้นายชูเกียรติ เวชสุภากุล มีอำนาจดำเนินคดีแพ่งและอาญาทั้งปวงเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินตามฟ้อง ฯลฯ เห็นว่าการที่นายชูเกียรติเวชสุภากุล ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ย่อมมีความหมายรวมอยู่ในอำนาจที่นายคำ สุวรรณิน มอบให้นายชูเกียรติ เวชสุภากุล ดำเนินคดีแพ่งทั้งปวงเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินตามฟ้อง ดังที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องแล้ว ไม่จำเป็นต้องระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องใครโดยชัดแจ้งทุกรายไป”

พิพากษายืน

Share