แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในการให้เช่าทรัพย์สินนั้น ผู้ให้เช่าหาจำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่านั้นเสมอไปไม่ ฉะนั้น เมื่อจำเลยยินยอมทำสัญญาเช่าที่ดินจากโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิและหน้าที่ในฐานะเป็นผู้ให้เช่าและมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานผิดสัญญาเช่าได้ จำเลยย่อมถูกปิดปากมิให้คัดค้านโต้แย้งอำนาจของผู้ให้เช่าซึ่งตนยอมรับว่ามีฐานะเช่นนั้นตามสัญญาเช่าซึ่งตนได้ทำไว้กับโจทก์แล้วนั้นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์เพื่อปลูกเรือนอยู่อาศัยกำหนด 3 ปี ค่าเช่าเดือนละ 60 บาท จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าโจทก์จึงได้ฟ้องจำเลยและนายบุญส่งบุตรจำเลยฐานผิดสัญญาเช่า เรียกค่าเสียหาย จำเลยและนายบุญส่งได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยยอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์และโจทก์ตกลงยอมให้จำเลยเช่าที่ดินต่อไปใหม่ คิดค่าเช่าเดือนละ 60 บาท มีกำหนด 3 ปี นับแต่วันที่1 กุมภาพันธ์ 2509 จำเลยค้างไม่ชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน2510 ถึงธันวาคม 2511 เป็นเวลา 1 ปี 2 เดือน เป็นเงิน 840 บาทโจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ยอมชำระ ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง 840 บาทและค่าเช่าเดือนละ 60 บาทนับแต่เดือนมกราคม 2512ไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัดคีรีวงศ์ร้าง ซึ่งกรมการศาสนาดูแลรักษาผลประโยชน์ จำเลยรับว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์จริงดังฟ้อง แต่จำเลยสำคัญผิดคิดว่าเป็นที่ดินของโจทก์ สัญญาเช่าจึงเป็นโมฆะ เพราะโจทก์ไม่มีหน้าที่ดูแลรักษาผลประโยชน์แทนกรมการศาสนา แม้จำเลยชำระค่าเช่าและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์แล้วทำสัญญาเช่ากันใหม่ก็ไม่มีผลผูกพันจำเลยโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานของคู่ความแล้ววินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่ให้เช่า ก็ย่อมทำสัญญาให้เช่าได้ จำเลยจะอ้างว่าเข้าใจผิดว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินหาได้ไม่ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง 840 บาท กับค่าเช่าอีกเดือนละ60 บาท ตั้งแต่เดือนมกราคม 2512 ไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุดให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การให้เช่านั้นผู้ให้เช่าหาจำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่านั้นไม่ เมื่อจำเลยยินยอมทำสัญญาเช่าที่รายนี้จากโจทก์ โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิและหน้าที่ในฐานะเป็นผู้ให้เช่าตามสัญญาเช่านั้น เมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยทำผิดสัญญาเช่าโจทก์ผู้ให้เช่าก็ย่อมมีอำนาจที่จะฟ้องจำเลยผู้เช่าได้ ในฐานะที่เป็นคู่สัญญากับจำเลย จำเลยไม่มีสิทธิที่จะคัดค้านโต้แย้งอำนาจของผู้ให้เช่าที่ตนยินยอมทำสัญญาด้วยนั้นได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย
พิพากษายืน