คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่นายกเทศมนตรีจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 2 อ้างว่าโจทก์ทั้งหกเป็นคนต่างด้าวขออนุมัติถอนชื่อโจทก์ทั้งหกออกจากทะเบียนบ้านนั้น เป็นเพียงความเห็นของจำเลยที่ 1 เมื่อเทศบาลยังมิได้ถอนชื่อโจทก์ออกจากทะเบียนบ้าน กรณีก็ยังไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยเพิ่มชื่อโจทก์ลงในทะเบียนบ้าน หรือขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์ทั้งหกเป็นคนสัญชาติไทย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย ให้จำเลยเพิ่มชื่อโจทก์ลงในทะเบียนบ้าน
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยโต้แย้งโจทก์ในเรื่องสัญชาติและไม่ได้ถอนชื่อโจทก์ออกจากทะเบียนบ้าน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์ทั้งหกนำสืบว่า โจทก์ทั้งหกเป็นบุตรนางแต๋ว ล้วนคัด คนสัญชาติไทย กับนายเตี๊ยดแซ่หวู คนสัญชาติญวนแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน โจทก์ทั้งหกมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 43 ถนนราษฎร์บำรุง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1จำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือถึงจำเลยที่ 2 เพื่อขอให้ถอนชื่อโจทก์ทั้งหกออกจากทะเบียนบ้านดังกล่าวตามเอกสารหมาย จ.4
พิเคราะห์แล้ว ข้อที่ต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกามีว่า โจทก์ทั้งหกมีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์ที่ 2 และที่ 3 เบิกความตอบทนายจำเลยทั้งสองถามค้านว่า เทศบาลเมืองอุบลราชธานียังมิได้ถอนชื่อโจทก์ทั้งหกออกจากทะเบียนบ้านเลขที่ 43ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 บัญญัติว่า “เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพ่งหรือบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาลบุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้” เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2ยังมิได้ถอนชื่อโจทก์ทั้งหกออกจากทะเบียนบ้านเช่นนี้ จึงยังไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิของโจตทก์ทั้งหกแต่ประการใด โจทก์ทั้งหกไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนการที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือเอกสารหมาย จ.4 ถึงจำเลยที่ 2 ขออนุมัติถอนชื่อโจทก์ทั้งหกออกจากทะเบียนนั้น เป็นเพียงความเห็นของจำเลยที่ 1 ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ทั้งหกฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share