คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 5 กับพวกรวม 10 คนจับกลุ่มกันวางแผนเพื่อจะใช้ตลับยาหม่องครอบเหรียญพนันบนรถยนต์โดยสารประจำทางโดยจำเลย ที่ 1 จะเป็นคนใช้ตลับยาหม่องครอบเหรียญ แล้วให้จำเลย อื่นเป็นหน้าม้าแทงจำเลยที่ 1 แจกเงินให้จำเลยอื่น ทุกคนเพื่อนำไปแทงใครได้เสียเท่าใดให้จำไว้ เมื่อเลิก เล่นแล้วจะคืนให้หมดจำเลยอื่นขึ้นไปบน รถยนต์โดยสารประจำทางส่วนจำเลยที่ 5 รออยู่ที่สถานีขนส่ง และจะขับรถมารับจำเลยอื่นระหว่างทางหลังจากเล่นการพนัน เสร็จแล้ว เมื่อรถยนต์โดยสารออกจากสถานีขนส่ง จำเลยที่ 1 กับพวกลงมือเล่นการพนันทายเหรียญแล้วชักชวนให้ผู้โดยสารมาแทงอันเป็นการสมคบกันเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้ ที่โดยสารไปกับรถยนต์โดยสารโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยที่ 5 จะไม่ได้ขึ้นไปบนรถยนต์โดยสารพร้อมกับจำเลยอื่น แต่ก็รออยู่ที่สถานีขนส่งและจะขับรถตาม มารับจำเลยอื่นเมื่อเลิกเล่นกันแล้วอันเป็นการแสดงถึง การแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจำเลยที่ 5 ได้เข้าร่วมปรึกษา วางแผนกับจำเลยอื่นแล้วการกระทำของจำเลยที่ 5 จึงเป็น ความผิดฐานเป็นซ่องโจร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 5 กับพวกรวม 10 คน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 210, 83
จำเลยทั้งสิบให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสิบมีความผิดตามฟ้อง
จำเลยที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 5 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า มีชายกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 คน คือจำเลยทั้งสิบจับกลุ่มคุยกันวางแผนเพื่อจะใช้ตลับยาหม่องครอบเหรียญพนันบนรถยนต์โดยสารประจำทาง โดยจำเลยที่ 1 จะเป็นคนใช้ตลับยาหม่องครอบเหรียญ แล้วให้จำเลยอื่นเป็นหน้าม้ามาแทง จำเลยที่ 1 แจกเงินให้จำเลยอื่นทุกคนเพื่อนำไปแทง โดยบอกว่าใครได้เสียเท่าใดให้จำเอาไว้ เมื่อเลิกเล่นแล้วจะคืนเงินให้หมด ศาลฎีกาเห็นว่าแม้จำเลยที่ 5 จะไม่ได้ขึ้นไปบนรถยนต์โดยสารพร้อมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และจำเลยที่ 7 ถึงที่ 10 ก็ตาม เมื่อจ่าสิบตำรวจสมศักดิ์กับพวกจับกุมจำเลยที่อยู่บนรถยนต์โดยสารได้แล้วสอบถามถึงจำเลยที่ 5 และที่ 6 พวกจำเลยที่ถูกจับได้แล้วก็บอกว่ารออยู่ที่สถานีขนส่งสระบุรี จะขับรถยนต์ตามมารับเมื่อเลิกเล่นแล้วอันเป็นการแสดงถึงการแบ่งหน้าที่กันทำ และเมื่อจ่าสิบตำรวจสมศักดิ์กับพวกย้อนกลับมาที่สถานีขนส่งสระบุรีก็พบจำเลยที่ 5 และที่ 6 อยู่ที่นั่นตามคำบอกกล่าวของจำเลยอื่นจริง เชื่อได้ว่า จำเลยที่ 5 ได้เข้าร่วมปรึกษาวางแผนกับจำเลยอื่นซึ่งมีจำนวนเกินห้าคนเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้ที่โดยสารไปกับรถยนต์โดยสารโดยทุจริต อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง การกระทำของจำเลยที่ 5 จึงเป็นความผิดฐานเป็นซ่องโจรตามฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยที่ 5 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share