คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2419/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของโจทก์นั้น ชอบที่ศาลชั้นต้นจะส่งไปให้ศาลฎีกาพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นส่งไปยังศาลอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์พิพากษาไปนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 224 ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อันเกี่ยวกับคำร้องของโจทก์นั้นเสีย
ฎีกาของโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับนั้น โจทก์จะต้องฎีกาเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 224 การที่โจทก์ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2519 และในแบบพิมพ์ท้ายฎีกามีข้อความว่า “รอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว” ทั้งยังปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาในวันนั้นเอง ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นในวันนั้นโจทก์เพิ่งมายื่นฎีกาเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2519 ซึ่งพ้นกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว คำร้องอุทธรณ์คำสั่งโจทก์จึงต้องห้าม ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมเอกสารและเบิกความเท็จ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์ตามศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ไม่รับเป็นฎีกา

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของโจทก์นั้น ชอบที่ศาลชั้นต้นจะส่งคำร้องฉบับนี้ไปให้ศาลฎีกาพิจารณา แทนที่จะส่งคำร้องฉบับนี้ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษา ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 224 จึงให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อันเกี่ยวกับคำร้องโจทก์ฉบับนี้เสีย

สำหรับฎีกาของโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับนั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยปลอมเอกสารและเบิกความเท็จ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยโดยความสมัครใจ และจำเลยเบิกความในคดีก่อนไม่เป็นเท็จคดีของโจทก์จึงไม่มีมูล เมื่อโจทก์ฎีกาว่าฟ้องโจทก์มีมูล ให้ศาลชั้นต้นรับไว้พิจารณาต่อไปนั้น เมื่อศาลชั้นต้นไม่ยอมรับฎีกา โจทก์จะต้องฎีกาเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 224 ข้อเท็จจริงปรากฏว่า โจทก์ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2519 และในแบบพิมพ์ท้ายฎีกามีข้อความว่า “รอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว” ทั้งยังปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาในวันนั้นเอง จึงต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นในวันนั้น โจทก์เพิ่งมายื่นฎีกาเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2519 ซึ่งพ้นกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้แล้วคำร้องอุทธรณ์คำสั่งโจทก์จึงต้องห้าม

พิพากษาให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งโจทก์

Share