แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
หนังสือขายที่ดินมือเปล่า มอบการครอบครองแล้ว ผู้ซื้อมีสิทธิครอบครอง เอกสารนี้ไม่มีกฎหมายว่าการขีดฆ่าตกเติมต้องลงชื่อกำกับ จึงฟังพยานบุคคลที่รับรองว่าเป็นผู้ขีดฆ่าแก้ไขได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์ฎีกาว่า ศาลไม่ควรรับฟังเอกสารหมาย จ.1 ว่าเป็นสัญญาขายที่พิพาท เพราะมีการขีดฆ่าตกเติมโดยคู่สัญญามิได้ลงชื่อกำกับไว้ เมื่อสัญญาหมาย จ.1 เป็นสัญญาขายฝาก จำเลยครอบครองทรัพย์สินแทนโจทก์ ตราบใดที่จำเลยยังมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ หรือฝ่ายจำเลยครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันใดจากบุคคลภายนอก ตราบนั้นจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของ เท่ากับว่าจำเลยยังครอบครองแทนโจทก์อยู่ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่สัญญาหมาย จ.1 มีการขีดฆ่าตกเติมนั้นจำเลยมีตัวจำเลยกับนายแดง แสงสุข ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นผู้เขียนสัญญาและไม่มีสาเหตุกับทั้งสองฝ่ายเบิกความสอดคล้องต้องกันว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2512 โจทก์ตกลงจะขายที่พิพาทให้จำเลยในราคา 8,000 บาท เมื่อหักหนี้เก่าออกแล้วจำเลยต้องชำระเงินให้โจทก์อีก 4,000 บาท แต่วันนั้นจำเลยมีเงินอยู่ 1,700 บาท นายแดงจึงเขียนเป็นสัญญาขายฝากที่พิพาทในราคา 1,700 บาท เมื่อเขียนเสร็จแล้ว โจทก์อยากได้เงินอีก จำเลยไปยืมเงินนายหลงมาอีก 1,700 บาท มอบให้โจทก์ นายแดงจึงขีดฆ่าจำนวนเงินเป็น 3,400 บาท และขีดฆ่าสัญญาขายฝากเป็นขายขาด ส่วนเงินที่ขาดอีก 600 บาท จำเลยชำระให้โจทก์แล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าการขีดฆ่าตกเติมในกรณีเช่นนี้ ไม่มีกฎหมายบังคับให้คู่สัญญาลงชื่อกำกับไว้ และนายแดงผู้เขียนสัญญาก็เบิกความยืนยันว่าเป็นผู้ขีดฆ่าและได้แก้ไขเป็นขายขาดจริงจึงรับฟังได้ ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อโจทก์ทำสัญญาขายที่พิพาทและมอบการครอบครองที่พิพาทให้จำเลยแล้ว จำเลยก็มีสิทธิครอบครองที่พิพาทไม่จำต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถืออีก”
พิพากษายืน