คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสองบัญญัติให้สิทธิจำเลยที่จะสาบานตนเข้าเบิกความเป็นพยานได้ แม้จะขาดนัดยื่นคำให้การ แต่เมื่อจำเลยไม่ได้ขอใช้สิทธินั้น และเมื่อศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ คดีเสร็จสำนวน นัดฟังคำพิพากษาจำเลยก็ไม่โต้แย้งคำสั่งนี้อันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จึงต้องห้ามอุทธรณ์
ฎีกาของจำเลยที่ว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยเหตุผลและหลักแห่งความยุติธรรม มิได้ยกขึ้นอ้างอิงโดยชัดแจ้งว่าไม่ชอบด้วยเหตุผลและหลักความยุติธรรมในข้อใดอย่างไรหรือเพราะเหตุผลอย่างใด ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าห้องแถวของโจทก์อยู่อาศัยโดยไม่มีหนังสือสัญญาเช่า ค่าเช่าเดือนละ 50 บาท โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยไม่ออกไป ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร และให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามตามกฎหมาย พิพากษายกอุทธรณ์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่ารายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 5 เมษายน 2520 เป็นการไม่อนุญาตให้จำเลยนำตัวเองเข้าสืบไม่ชอบด้วยเหตุผลและหลักความยุติธรรม ทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง ก็ได้บัญญัติให้สิทธิจำเลยที่จะสาบานตนเข้าเบิกความเป็นพยานได้ แม้จะขาดนัดยื่นคำให้การ การที่ศาลชั้นต้นตัดสิทธิของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

รายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 5 เมษายน 2520 มีความเกี่ยวกับข้อที่จำเลยฎีกาว่า ศาลได้เผชิญสืบนายเจงหลอง โปษยะจินดา 1 ปากแล้วโจทก์แถลงว่าหมดพยาน สำหรับนายสุวิทย์ ตันวีระเกษม ที่ไม่ขาดนัดพิจารณานั้น ขาดนัดยื่นคำให้การ จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบคดีเสร็จสำนวน นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 28 เดือนนี้ เวลา 13 นาฬิกา 30 นาที ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ตามรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าว ถือได้ว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามไม่ให้จำเลยสาบานตนเข้าเบิกความเป็นพยานตนเองเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งไว้จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ อุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามตามกฎหมาย ฎีกาจำเลยดังกล่าวข้างต้นมิได้ยกขึ้นอ้างอิงโดยชัดแจ้งว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยเหตุผลและหลักความยุติธรรมในข้อใดอย่างไร หรือเพราะเหตุผลอย่างไร ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 7 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่จำเลยอ้างต่อไปว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง บัญญัติให้สิทธิจำเลยที่จะสาบานตนเข้าเบิกความเป็นพยานได้ แม้จะขาดนัดยื่นคำให้การนั้น ก็เป็นแต่กฎหมายให้สิทธิไว้ จำเลยจะใช้สิทธินั้นหรือไม่ก็ได้ ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ขอใช้สิทธินี้เลย ทั้งเมื่อศาลจดรายงานว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ จำเลยก็มิได้โต้แย้งว่าจำเลยมีสิทธิสาบานตนให้การเป็นพยานเองได้ และขอสาบานตนเข้าสืบ เท่ากับจำเลยไม่ติดใจใช้สิทธินั้นพฤติการณ์ต่าง ๆ ของจำเลยดังที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นกล่าวไว้ในคำพิพากษาก็แสดงว่าจำเลยพยายามประวิงคดี ฎีกาจำเลยไม่มีเหตุที่จะให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

พิพากษายืน

Share