คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ไม่ได้ไปทำงานตามปกติเป็นเวลา 3 วันติดต่อกันเนื่องจากถูกวันแรกบุตรของโจทก์ป่วยมากจำเป็นที่โจทก์ต้องคอยดูแลส่วนอีกสองวันต่อมานั้นปรากฏว่าฝนตกมาก น้ำท่วมถนนสายที่โจทก์จะต้องเดินทางไปทำงานและโทรศัพท์เสียหายมาก โจทก์อยู่ไกลจากสถานที่ทำงาน ไม่สามารถเดินทางไปทำงานและแจ้งให้จำเลยทราบทางโทรศัพท์ได้ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ไปทำงานตามปกติเนื่องจากมีเหตุจำเป็น ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุอันสมควรมิใช่การละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์.
เมื่อโจทก์มาทำงานแล้วได้ทราบว่า ผู้จัดการฝ่ายบุคคลมีคำสั่งให้โจทก์ไปพบ แต่โจทก์ไม่ยอมไปพบนั้น แม้จะเป็นการขัดคำสั่งของนายจ้างก็ตาม แต่ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เคยตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือแล้ว จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยหาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ขาดงานเกินกว่า 3 วันทำงานซึ่งไม่เป็นความจริงโจทก์มีเหตุจำเป็นและได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด และมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมาย ขอให้พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร และขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายเป็นการผิดระเบียบข้อบังคับของจำเลยอย่างร้ายแรง จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ 8 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2529 โจทก์ไม่ได้ไปทำงานตามปกติ เนื่องจากในวันที่ 8 บุตรของโจทก์ป่วยมาก จำเป็นที่โจทก์จะต้องคอยดูแลบุตรอย่างใกล้ชิด ส่วนในวันที่ 9 และวันที่ 10 นั้น ปรากฏว่าฝนตกมากในกรุงเทพมหานคร น้ำท่วมถนนสายที่โจทก์จะต้องเดินทางไปทำงานและโทรศัพท์เสียหายเป็นจำนวนมาก โจทก์อยู่ไกลจากสถานที่ทำงาน ไม่สามารถเดินทางไปทำงานและแจ้งให้จำเลยทราบล่วงหน้าทางโทรศัพท์ได้ เห็นว่าการที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ เพราะเหตุที่ไม่ได้ไปทำงานตามปกติเป็นเวลาสามวัน โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยหมวด 8 ว่าด้วยการเลิกจ้างนั้น จะต้องเป็นกรณีละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร แต่ปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้ไปทำงานตามปกติเนื่องจากมีเหตุจำเป็นอันมิใช่เป็นการจงใจละทิ้งหน้าที่การงานแต่อย่างใด ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุอันสมควร หาใช่เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยดังที่จำเลยอ้าง ส่วนข้อที่จำเลยอุทธรณ์ว่า เมื่อโจทก์มาทำงานก็ได้ทราบแล้วว่าผู้จัดการฝ่ายบุคคลมีคำสั่งให้โจทก์ไปพบ แต่โจทก์ไม่ยอมไปพบนั้น แม้จะฟังว่าเป็นการขัดคำสั่งของนายจ้างก็ตาม แต่ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรงอันไม่จำต้องตักเตือนเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เคยตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือแล้วจำเลยจะเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยหาได้ไม่ เมื่อจำเลยเลิกจ้างโดยอาศัยเหตุดังกล่าวมาแล้วจำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์
พิพากษายืน.

Share