แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ยกที่ดินตรงที่เกิดเหตุพร้อมรั้วและราวไผ่ให้ บ. ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่ง กรรมสิทธิ์ในที่ดินจึงตกเป็นของ บ. โดยผลแห่งคำพิพากษาตามยอมนับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษา แม้คู่ความจะตกลงให้รอการบังคับคดีไว้ก่อน ก็หามีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาดังกล่าวซึ่งถึงที่สุดแล้วให้เป็นอย่างอื่นไม่ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องผู้เข้าไปรื้อรั้วและตัดไม้ไผ่ในที่เกิดเหตุได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินตรงที่เกิดเหตุพร้อมรั้วไม้ไผ่และราวไผ่เป็นของนางบุญเรือง พันธ์ธรรม โดยโจทก์ยกให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 165/2519 ของศาลจังหวัดปราจีนบุรีโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “สำหรับฎีกาข้อแรก เห็นว่าคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 165/2519 ของศาลจังหวัดปราจีนบุรีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฉะนั้นคำพิพากษาตามยอมในคดีนั้นย่อมผูกพันโจทก์กับพวกและนางบุญเรือง พันธ์ธรรม นับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษา กรรมสิทธิ์ในที่ดินจึงตกเป็นของนางบุญเรืองโดยผลแห่งคำพิพากษาตามยอม แม้คู่ความจะตกลงให้รอการบังคับคดีไว้ก่อนก็หามีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาดังกล่าวให้เป็นอย่างอื่นไม่ ทั้งปรากฏว่าที่คู่ความตกลงให้รอการบังคับคดีก็ตกลงกันหลังจากเกิดเหตุในคดีนี้แล้ว และรอการบังคับคดีเฉพาะการรื้ออาคารเท่านั้นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน