คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7049/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นคนหางาน ว่าสามารถจัดส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ต่างประเทศได้ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและจ่ายเงินให้ แม้จำเลยจะไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง , 82 เนื่องจากจำเลยไม่มีเจตนาจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายตั้งแต่ต้น เพียงแต่อ้างการประกอบธุรกิจจัดหางานมาเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหาย และถึงแม้ว่าจำเลยจะให้การ รับสารภาพ ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าว ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๓๐, ๘๒, ๙๑ ตรี
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง, ๘๒, ๙๑ ตรี เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด…
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษา ซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องตอนแรกว่าจำเลยได้จัดหางานให้แก่นางสาวสุวนันท์ ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นคนหางานเพื่อไปทำงานที่ประเทศฝรั่งเศส ในตำแหน่งช่างเย็บผ้า มีรายได้เดือนละประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท ถึง ๔๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางตามกฎหมายแต่ตามคำฟ้องของโจทก์ตอนหลังที่ว่าจำเลยได้หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นคนหางาน ว่าจำเลยสามารถจัดส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศฝรั่งเศสในตำแหน่งช่างเย็บผ้า มีรายได้เดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท ถึง ๔๐,๐๐๐ บาท อันเป็นเท็จ ความจริงแล้วจำเลยมิได้มี ความสามารถจัดส่งคนหางานใด ๆ รวมทั้งผู้เสียหายให้ไปทำงานต่างประเทศได้ เพราะจำเลยมิได้รับอนุญาตจาก เจ้าพนักงาน และโดยการหลอกลวงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและจ่ายเงินจำนวน ๑๔๐,๐๐๐ บาท ให้แก่จำเลย เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงอยู่ในตัวว่าจำเลยไม่มีเจตนาจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย เพียงแต่อ้างการประกอบธุรกิจ การจัดหางานมาเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง, ๘๒ แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าว ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง…
พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลยฐานหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถจัดหางานในต่างประเทศเป็นเหตุให้ได้เงินหรือทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง ตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๙๑ ตรี จำคุก ๓ ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ยกฟ้องโจทก์ฐานจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง, ๘๒ .

Share