คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3964/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปี นับจากวันที่โจทก์ทราบว่าจำเลยทั้งสองเข้าปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาท ต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 แต่ปรากฏว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดซึ่งโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ มิใช่ที่ดินมือเปล่าที่มีแต่สิทธิครอบครอง จึงไม่อาจนำ ป.พ.พ. มาตรา 1375 มาใช้บังคับได้ อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไม่อาจทำให้จำเลยทั้งสองชนะคดีได้ จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองพร้อมบริวารรื้อถอนบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 9 ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามโฉนดเลขที่ 7735 ตำบลบางปู (ท้ายบ้าน) อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ และห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกต่อไป ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 6,000 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 1,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนบ้านและขนย้ายออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ปลูกบ้านอยู่บนที่ดินของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหาย โจทก์ไม่เคยมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 รื้อถอนบ้านและขนย้ายออกจากที่ดิน คดีขาดอายุความฟ้องขับไล่แล้ว ที่ดินพิพาทหากจะให้เช่าก็ไม่เกินเดือนละ 50 บาท ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 2 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินว่างเปล่าไม่มีผู้ใดมีกรรมสิทธิ์เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์ได้กรรมสิทธิ์มาในภายหลังจึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่มีหนังสือบอกกล่าวตามกฎหมาย คดีขาดอายุความฟ้องขับไล่แล้ว ที่ดินของโจทก์หากจะให้เช่าก็ไม่เกินเดือนละ 50 บาท ขอให้ยกฟ้อง และให้โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ด้วย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ก่อนชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ไม่อาจบังคับได้ เพราะแม้จำเลยที่ 2 จะชนะคดีโดยฟังว่าจำเลยที่ 2 ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทจนได้สิทธิมา โจทก์ก็ไม่มีหน้าที่ทางนิติกรรมต้องไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 จึงให้ยกฟ้องแย้ง
ระหว่างพิจารณา จำเลยทั้งสองยอมรับว่า จำเลยทั้งสองปลูกบ้านและอยู่ในที่ดินพิพาทของโจทก์จริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองและบริวารรื้อถอนบ้านไม่มีเลขที่หมู่ที่ 9 ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 7735 ตำบลบางปู (ท้ายบ้าน) อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ และห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องที่ดินดังกล่าวอีกต่อไป ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 3,000 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนบ้านและขนย้ายออกไปจากที่ดินของโจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่าอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองต้องห้ามมิให้อุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2541 เกินกว่า 1 ปี นับจากวันที่โจทก์ทราบว่าจำเลยทั้งสองเข้าปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาท ต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แต่ปรากฏว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด ที่ดินซึ่งโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์มิใช่ที่ดินมือเปล่าที่มีแต่สิทธิครอบครอง จึงไม่อาจนำมาตรา 1375 มาใช้บังคับได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไม่อาจทำให้จำเลยทั้งสองชนะคดีได้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share