แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเป็นข้าราชการในกรมโจทก์ ขณะเกิดเหตุจำเลยใช้รถยนต์ของโจทก์เป็นยานพาหนะเดินทางไปตรวจราชการ โดยมี พ. เป็นพนักงานขับรถ ระหว่างทางถูกรถบรรทุกสิบล้อเฉี่ยว ชน จำเลยและ พ.ต่างไม่ทราบหมายเลขทะเบียนรถบรรทุกสิบล้อคันนั้น และไม่ทราบว่าคนขับรถบรรทุกเป็นใคร เกิดเหตุแล้ว พ. จอดรถตรวจดู ความเสียหายและเก็บเศษกระจกรถทิ้งอยู่พักหนึ่ง คนขับรถบรรทุกได้ขับหลบหนีไปไกลแล้วถึงหากจำเลยจะติดตามไปเพื่อหาตัวผู้รับผิดมาชดใช้ค่าเสียหายก็ไม่เป็นการแน่นอนว่าจำเลยจะกระทำได้สำเร็จ แม้คำสั่งกรมที่ดิน 536/2516 ข้อ 13 จะระบุให้ผู้ใช้รถสอบสวนให้ได้ตัวผู้รับผิดมาชดใช้ค่าเสียหายก็ตาม การที่จำเลยไม่ติดตามรถบรรทุกไปในพฤติการณ์เช่นนี้ ไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยไม่สอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดถึงขนาดที่จะถือว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นข้าราชการในกรมโจทก์ ขณะเกิดเหตุจำเลยใช้รถยนต์ของโจทก์เป็นยานพาหนะเดินทางไปตรวจราชการโดยมีนายไพโรจน์ จันทร์เผ่าแสง เป็นพนักงานขับรถ ระหว่างทางถูกรถบรรทุกสิบล้อเฉี่ยวชน จำเลยเพิกเฉยละเลยไม่ติดตามและไม่แจ้งความเพื่อให้มีการสอบสวนหาผู้รับผิดมาชดใช้ค่าเสียหายเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การและแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่า เป็นการสุดวิสัยที่จะติดตามทันจำเลยไม่มีหน้าที่แจ้งความ การติดตามหาผู้รับผิดมาชดใช้ค่าเสียหายตกเป็นหน้าที่ของกองคลังกรมที่ดิน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยถึงแก่ความตายนายประพล วัชรตระกูล ขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์อนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้นและวินิจฉัยเพิ่มเติมว่าขณะเกิดเหตุนายไพโรจน์ คนขับรถของโจทก์ และจำเลยต่างไม่ทราบหมายเลขทะเบียนรถบรรทุกสิบล้อที่เฉี่ยวชนรถโจทก์และไม่ทราบว่าคนขับรถบรรทุกเป็นใคร เกิดเหตุแล้ว นายไพโรจน์จอดรถตรวจดูความเสียหายและเก็บเศษกระจกทิ้งอยู่พักหนึ่ง คนขับรถบรรทุกย่อมขับรถหนีไปไกลแล้วแม้จำเลยจะสั่งให้นายไพโรจน์ขับรถติดตามไปก็ไม่แน่นอนว่าจะตามไปพบรถบรรทุกคันดังกล่าวหรือไม่ เพราะขณะรถบรรทุกเฉี่ยวชนรถของโจทก์รถบรรทุกขับมาด้วยความเร็วสูงเช่นกันเมื่อขับหนีก็ขับด้วยความเร็วสูงเช่นกัน เมื่อจำเลยกลับมาที่กรมโจทก์ก็ได้บันทึกรายงานอุบัติเหตุให้ผู้อำนวยการกองคลังของโจทก์ทราบ แต่โจทก์มิได้สั่งให้จำเลยดำเนินการอย่างไร แม้การปฏิบัติของจำเลยจะไม่เหมาะสมอยู่บ้างก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่สอบสวนหาตัวผู้กระทำผิด ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่กล่าวมาแล้วนี้ โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้กระทำการใด ๆ ที่จะได้ตัวผู้ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งที่จำเลยสามารถที่จะกระทำได้โดยขับรถติดตามเพื่อดูหมายเลขทะเบียนรถยนต์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแล้วร้องทุกข์ในภายหลังก็ได้ แต่จำเลยมีหน้าที่อยู่แล้วงดเว้นการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวจนไม่อาจติดตามหาผู้รับผิดได้ จึงเป็นการละเว้นหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติจนเป็นเหตุให้โจทก์เสียหายพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเมื่อเกิดเหตุแล้วคนขับรถบรรทุกได้ขับรถหลบหนีไปไกลแล้ว ถึงหากจำเลยจะติดตามไปดูหมายเลขทะเบียนรถบรรทุกและคนขับรถบรรทุก เพื่อหาตัวผู้รับผิดมาชดใช้ค่าเสียหายก็ไม่เป็นที่แน่นอนว่าจำเลยจะกระทำได้สำเร็จ แม้คำสั่งกรมที่ดินที่536/2516 ข้อ 13 จะระบุให้ผู้ใช้รถสอบสวนให้ได้ตัวผู้รับผิดมาชดใช้ค่าเสียหายก็ตาม การที่จำเลยไม่ติดตามรถบรรทุกไปในพฤติการณ์เช่นนี้ ไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยไม่สอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดถึงขนาดที่จะถือว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.