คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2397/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้มีดพร้าของกลางตัวมีดยาวประมาณคืบเศษจากคมถึงสันกว้าง ประมาณ 3 นิ้วมือเรียงกัน ด้ามมีดยาว 1 ศอก 1คืบซึ่งเป็นอาวุธมีคมขนาดใหญ่สามารถทำร้ายถึงตายได้ฟันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถูกส่วนที่สำคัญของร่างกายรวม4 แห่ง หากผู้ใหญ่บ้านไม่เข้าขัดขวางแย่งมีดพร้าของกลางจากจำเลยเอาไว้ได้เสียก่อน จำเลยก็อาจฟันผู้เสียหายซึ่งขณะนั้นล้มฟุบหมดสติอยู่จนถึงแก่ความตายได้ และเมื่อผู้ใหญ่บ้านแย่งมีดพร้าดังกล่าวได้แล้ว จำเลยก็ยังได้เข้าไปหยิบปืนยาวของผู้เสียหายที่วางอยู่ข้างหน้าผู้เสียหายจนผู้ใหญ่บ้านต้องแย่งปืนนั้นมาจากจำเลยอีกแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มีดพร้าเป็นอาวุธฟันประทุษร้ายร่างกายนายสมพงษ์สุขแป้น ผู้เสียหายหลายแห่งโดยเจตนาฆ่า จำเลยได้ลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 288 ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี จเลยกระทำผิดแล้วลุแก่โทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 6 ปี 8 เดือน ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 1 ปี 4 เดือน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บาดแผลของผู้เสียหายตามรายงานการชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง ปรากฏว่าผู้เสียหายมีบาดแผลรวม 4 แห่ง คือ 1. บาดแผลที่ศีรษะเหนือกกหูขวาด้านหลัง 1 แผล กว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตร ลึก1.5 เซนติเมตร กะโหลกศีรษะแตก 2.บริเวณศีรษะใกล้กระหม่อมด้านหน้าหนังขาดหายไปประมาณ 1 นิ้ว 3.บาดแผลที่ไหล่ซ้าย 1 แผล กว้าง 1/2 เซนติเมตร ยาว5 เซนติเมตร ลึก 1/2 เซนติเมตร 4. แผลที่ต้นคอ 1 แผล กว้าง 1/2 เซนติเมตร ยาว 3 เซนติเมตร ลึก 1/2 เซนติเมตร จากลักษณะบาดแผลเช่นนี้แสดงว่าจำเลยฟันผู้เสียหายอย่างรุนแรงหลายครั้ง เนื่องจากทราบว่าผู้เสียหายทำร้ายนางจำเนียรภริยาผู้เสียหายซึ่งเป็นน้องของจำเลยในวันเดียวกันก่อนเกิดเหตุคดีนี้ จำเลยฟันผู้เสียหายถูกที่ศีรษะและต้นคอด้านหลังซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่อาจทำให้ผู้ถูกทำร้ายถึงแก่ความตายได้ บาดแผลของผู้เสียหายที่เหนือกกหูขวาด้านหลังนั้นเป็นแผลที่ฉกรรจ์กว่าบาดแผลอื่น น่าจะเป็นบาดแผลที่ถูกจำเลยฟันครั้งแรกเพราะมีโอกาสฟันได้เต็มที่โดยไม่มีผู้ใดเข้าขัดขวาง ส่วนบาดแผลอื่น ๆ ของผู้เสียหายนั้น จำเลยฟันผู้เสียหายในขณะที่นายคล่องเข้ามาแย่งมีดพร้าจากจำเลยจำเลยจึงฟันได้ไม่ถนัด ตอนที่จำเลยฟันผู้เสียหายซ้ำอีก 2-3 ทีนี้ เชื่อว่าผู้เสียหายถูกฟันล้มฟุบไปตั้งแต่จำเลยฟันครั้งแรกดังคำเบิกความของผู้เสียหายกับนายคล่องแล้วเพราะถ้าหากผู้เสียหายไม่หมดสติไปเสียก่อนเมื่อจำเลยเข้ามาฟันซ้ำอีกก็น่าที่ผู้เสียหายจะยกมือขึ้นปิดป้องมิให้จำเลยฟันที่คอได้อีก แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีบาดแผลที่แขนหรือมือของผู้เสียหายแต่อย่างใด จากพฤติการณ์ดังกล่าวมาศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ใช้มีดพร้าของกลาง ตัวมีดยาวประมาณคืบเศษ จากคมถึงสันมีดกว้างประมาณ 3 นิ้วมือเรียงกันด้ามมีดยาว 1 ศอก 1 คืบ ซึ่งเป็นอาวุธมีคมขนาดใหญ่สามารถทำร้ายถึงตายได้ฟันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถูกส่วนที่สำคัญของร่างกายรวม 4 แห่ง หากนายคล่องผู้ใหญ่บ้านไม่เข้าขัดขวางแย่งมีดพร้าของกลางจากจำเลยเอาไว้ได้เสียก่อน จำเลยก็อาจฟันผู้เสียหายซึ่งขณะนั้นล้มฟุบหมดสติอยู่จนถึงแก่ความตายได้ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าเมื่อนายคล่องแย่งมีดพร้าของกลางจากจำเลยมาได้แล้ว จำเลยยังได้เข้าไปหยิบปืนยาวของผู้เสียหายที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างหน้าผู้เสียหายจนนายคล่องต้องแย่งปืนนั้นมาจากจำเลยอีกแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายอย่างแท้จริง เช่นนี้การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share