แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลูกจ้างขออนุญาตผู้บังคับบัญชาออกนอกสถานที่ตั้งแต่เวลา 9 น.ถึง 11 น. แต่กลับมาถึงที่ทำงานเวลา 14 น. ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ลูกจ้างยื่นใบลาครึ่งวัน เพราะการขออนุญาตออกนอกสถานที่ได้จะต้องไม่เกิน 2 ชั่วโมงครึ่งลูกจ้างไม่พอใจจึงเขียนใบลาและเขียนข้อความในเอกสารใส่ ซองวางไว้ที่โต๊ะผู้บังคับบัญชาโดยเจตนาให้ผู้บังคับบัญชายอมตกลงกับตนเรื่องไม่ต้องยื่นใบลา ในเอกสารดังกล่าว มีข้อความว่าลูกจ้างอาจเปิดเผยความไม่ดีของผู้บังคับบัญชาในทำนองทุจริตเกี่ยวกับอาคารพาณิชย์ การกระทำของลูกจ้าง ดังกล่าวมีลักษณะเป็นการข่มขู่ให้ผู้บังคับบัญชาเกิดความกลัวยอมตกลงกระทำในสิ่งที่ผิดระเบียบ มิใช่เป็นการใช้สิทธิตามปกตินิยม เพราะลูกจ้างเจตนาที่จะใช้เหตุดังกล่าวเป็น ข้อต่อรองกับผู้บังคับบัญชาให้กระทำในสิ่งที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของนายจ้างเพื่อประโยชน์ของลูกจ้างแต่เพียง อย่างเดียว ไม่เป็นการสมควรที่ผู้ใต้บังคับบัญชาจะพึงกระทำ ต่อผู้บังคับบัญชาเช่นนั้น ทั้งการข่มขู่ให้ผู้บังคับบัญชากระทำในสิ่งผิดระเบียบข้อบังคับของนายจ้างอาจเป็นเหตุก่อ ให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ผู้เป็นนายจ้างได้ การกระทำของลูกจ้างจึงได้ชื่อว่าเป็นการประพฤติชั่ว อย่างร้ายแรงซึ่งตามข้อบังคับของนายจ้างมีโทษถึงขั้นไล่ออก เป็นการ กระทำที่ฝ่าฝืน ระเบียบข้อบังคับของนายจ้างกรณีร้ายแรงตาม พระราชบัญญัติ แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 123(3) นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างได้ถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำโดยไม่เป็นธรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 15 เป็นกรรมการแรงงานสัมพันธ์จำเลยที่ 16 เคยเป็นลูกจ้างโจทก์ ระหว่างเป็นลูกจ้างโจทก์จำเลยที่ 16 ได้ประพฤติตนไม่ต้องด้วยข้อบังคับองค์การสะพานปลา โดยพิมพ์เอกสารถึงผู้บังคับบัญชามีข้อความข่มขู่ดูหมิ่นและกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ทุจริต เป็นการต่อรองกับผู้บังคับบัญชาให้ผ่อนผันอนุญาตให้ออกนอกสถานที่ได้โดยไม่ถือเป็นวันลา อันเป็นการผิดวินัยฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โจทก์จึงปลดจำเลยที่ 16 ออกจากงาน ต่อมาจำเลยที่ 16 ได้กล่าวหาต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ว่าโจทก์กระทำการอันไม่เป็นธรรมคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 15 มีคำสั่งว่าโจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 16 เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายแก่จำเลยที่ 16 โจทก์เห็นว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะการกระทำของจำเลยที่ 16เป็นการผิดวินัย ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง การเลิกจ้างไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ และไม่ใช่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 16 ให้การว่าเอกสารที่จำเลยที่ 16 ทำขึ้นด้วยความโกรธและน้อยใจไม่มีเจตนาดูหมิ่น ข่มขู่ และกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชาแม้จะมีข้อความว่าจะเปิดเผยความไม่ดีของผู้บังคับบัญชาก็เพื่อจะร้องเรียนถึงความประพฤติในทางไม่สุจริตต่อประธานองค์การสะพานปลา เป็นเอกสารที่ทำขึ้นเพื่อใช้สิทธิตามปกตินิยมโดยสุจริต จำเลยที่ 16 มิได้นำเอกสารดังกล่าวหรือให้ผู้ใดนำไปให้ผู้บังคับบัญชาและไม่ได้บอกกล่าวข้อความในเอกสารดังกล่าวให้ผู้ใดทราบ แม้จะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับแต่เป็นความผิดเพียงเล็กน้อยไม่ร้ายแรงถึงขั้นที่โจทก์จะเลิกจ้างจำเลยที่ 16 ได้ทันที การที่โจทก์มีคำสั่งให้จำเลยที่ 16 ออกจากงานโดยอ้างเหตุว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงเป็นฝ่าฝืนมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2514
ศาลแรงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 15 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 16 ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาออกนอกสถานที่ตั้งแต่เวลา 9 น. ถึง 11 น. แต่กลับมาถึงที่ทำงานเวลา 14 น. แล้วผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 16 สั่งให้จำเลยที่ 16 ยื่นใบลาครึ่งวันเพราะการขออนุญาตออกนอกสถานที่ได้จะต้องไม่เกิน 2 ชั่วโมงครึ่ง จำเลยที่ 16 ไม่พอใจจึงเขียนใบลาและเขียนข้อความในเอกสารใส่ซองวางไว้ที่โต๊ะผู้บังคับบัญชาโดยเจตนาจะให้ผู้บังคับบัญชายอมตกลงกับตนเรื่องไม่ต้องยื่นใบลา ในเอกสารดังกล่าวมีข้อความว่าจำเลยที่ 16 อาจเปิดเผยความไม่ดีของผู้บังคับบัญชาในทำนองทุจริตเกี่ยวกับอาคารพาณิชย์โดยจะมอบหลักฐานให้ประธานองค์การสะพานปลาสอบสวนเอาผิดแก่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 16 การกระทำของลูกจ้างดังกล่าวมีลักษณะเป็นการข่มขู่ ให้ผู้บังคับบัญชาเกิดความกลัวยอมตกลงกระทำในสิ่งที่ผิดระเบียบ มิใช่เป็นการใช้สิทธิตามปกตินิยมเพราะจำเลยที่ 16 เจตนาที่จะใช้เหตุดังกล่าวเป็นข้อต่อรองกับผู้บังคับบัญชาให้กระทำในสิ่งที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์เพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 16 แต่เพียงอย่างเดียวไม่เป็นการสมควรที่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจะพึงกระทำต่อผู้บังคับบัญชาเช่นนั้น ทั้งการข่มขู่ให้ผู้บังคับบัญชากระทำในสิ่งผิดระเบียบข้อบังคับของโจทก์อาจเป็นเหตุก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ผู้เป็นนายจ้างได้การกระทำการของจำเลยที่ 16 จึงได้ชื่อว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ซึ่งตามข้อบังคับของโจทก์มีโทษถึงขั้นไล่ออกเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของนายจ้างกรณีร้ายแรงตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123(3) โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 16 ได้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำโดยไม่เป็นธรรม
พิพากษายืน