คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องเกี่ยวกับสินสมรสที่โจทก์กับสามีต้องจัดการร่วมกัน จึงไม่มีประเด็นข้อโต้เถียงว่าทรัพย์สินที่โจทก์ฟ้องเป็นสินสมรสหรือไม่ โจทก์ย่อมฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยออกให้ ม.แล้ว ม. นำไปสลักหลังแลกเงินสดจากโจทก์
จำเลยให้การว่า ม. กับโจทก์โอนตั๋วสัญญาใช้เงินโดยคบคิดกันฉ้อฉล โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์เป็นหญิงมีสามี แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับความยินยอมจากสามีให้ฟ้องคดีนี้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 20,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปีนับแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2527เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ทั้งนี้ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 8,400 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาแต่เพียงว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ เห็นว่ากฎหมายมิได้บัญญัติว่าถ้าหญิงมีสามีฟ้องคดี จะต้องได้รับอนุญาตจากสามีเสียก่อนทุกกรณีคู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดฟ้องคดีต้องได้รับอนุญาตจากอีกฝ่ายหนึ่งก็เฉพาะการฟ้องคดีเกี่ยวกับสินสมรส ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ทั้งสองฝ่ายต้องจัดการร่วมกันตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 1476 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 สำหรับคดีนี้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องเกี่ยวกับสินสมรสที่โจทก์กับสามีต้องจัดการร่วมกันตามที่บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าว จึงไม่มีประเด็นข้อโต้เถียงว่าทรัพย์สินที่โจทก์ฟ้องเป็นสินสมรสหรือไม่ โจทก์ย่อมฟ้องคดีนี้ได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีเสียก่อน”
พิพากษายืน.

Share