คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2393/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จ้างจำเลยที่ 1 ทำงานในหน้าที่พนักงานขายตั๋วหรือติดรถของโจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ย่อมเป็นที่เข้าใจกันระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2 ว่า ถ้าจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์เฉพาะในหน้าที่การงานเท่านั้นจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันจึงจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพนักงานขายตั๋วและต่อมาทำหน้าที่เป็นนายตรวจได้ขับรถยนต์โดยสารและเกิดความเสียหายขึ้นแก่โจทก์จึงเป็นการกระทำนอกหน้าที่การงานที่ว่าจ้างโดยชัดแจ้งจำเลยที่ 2จึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 สมัครเข้าทำงานกับโจทก์ในตำแหน่งพนักงานขายตั๋วหรือติดรถ มีข้อสัญญาว่าจะต้องรับผิดชอบในบรรดาความเสียหายต่าง ๆที่โจทก์ได้รับเนื่องจากการกระทำของจำเลยที่ 1 โดยมีจำเลยที่ 2 เข้าค้ำประกันการทำงานดังกล่าวและยินยอมชดใช้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อนนั้น จำเลยที่ 1ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาททำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย 2 ครั้ง เป็นเงิน151,609.87 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1 จะต้องชดใช้ให้แก่โจทก์ทั้งหมดและจำเลยที่ 2ในฐานะผู้ค้ำประกันต้องร่วมรับผิดด้วย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายที่โจทก์ต้องชดใช้ไป 151,609.87 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป

จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 สมัครเข้าทำงานเป็นพนักงานขายตั๋วต่อมาได้เลื่อนเป็นนายตรวจ จำเลยที่ 1 มิได้เป็นพนักงานขับรถจึงไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายนอกเหนือจากหน้าที่ของพนักงานขายตั๋วผู้จัดการบริษัทโจทก์สั่งให้จำเลยขับรถแทนคนขับรถประจำที่ขาดงานเป็นความประมาทของโจทก์เอง จำเลยที่ 1 มิได้ขับรถด้วยความประมาทค่าเสียหายไม่เกิน 40,000 บาท คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ค้ำประกันจำเลยที่ 1 เข้าทำงานในหน้าที่พนักงานขายตั๋ว จึงไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากการขับรถสัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์ เพราะมิได้กำหนดวงเงินไว้ และคดีขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 143,383.87 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องให้แก่โจทก์ ยกฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 2

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1ชำระเงิน 143,383.87 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องให้แก่โจทก์

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาหนังสือสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.2 แล้วเห็นว่า โจทก์จ้างจำเลยที่ 1 ทำงานในหน้าที่พนักงานขายตั๋วรถยนต์โดยสารของโจทก์หรือติดรถของโจทก์ ตามปกติธรรมดาย่อมเป็นที่เข้าใจกันระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2 ว่า ถ้าจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์เฉพาะในหน้าที่การงานเท่านั้น จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันจึงจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ถ้าโจทก์ประสงค์จะให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชอบทุกกรณีที่จำเลยที่ 1ทำขึ้นนอกหน้าที่การทำงานที่ว่าจ้าง ก็ชอบที่จะระบุความข้อนี้ไว้ให้ชัดแจ้งในหนังสือสัญญาค้ำประกัน เพราะเป็นสัญญาที่จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดเพียงฝ่ายเดียว เมื่อหนังสือสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.2 มิได้ระบุความข้อนี้ไว้ก็ต้องตีความให้เป็นคุณแก่จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันว่าต้องรับผิดเฉพาะความเสียหายที่จำเลยที่ 1 กระทำขึ้นในหน้าที่การงานเท่านั้น ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ทำหน้าที่เป็นพนักงานขายตั๋ว และต่อมาทำหน้าที่เป็นนายตรวจจำเลยที่ 1 มิได้เป็นพนักงานขับรถหรือมีหน้าที่ขับรถให้โจทก์ ทั้งการที่จำเลยที่ 1ขับรถยนต์โดยสารของโจทก์ดังกล่าวก็เป็นการกระทำโดยพลการ จึงเป็นการกระทำนอกหน้าที่การงานที่ว่าจ้างโดยชัดแจ้ง จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน หมาย จ.2

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share