แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บัตรเลือกตั้งที่ปิดเลขหมายประจำตัวผู้สมัครแต่เลขไทยหรือเลขอารบิคเพียงเลขใดเลขหนึ่ง ไม่มีลักษณะเป็นบัตรเสียตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ. 2511มาตรา 58 แต่มาตรา 49 บัญญัติว่าการลงคะแนนเลือกตั้งให้ใช้วิธีปิดเลขหมายประจำตัวผู้สมัครในบัตรเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง และกฎกระทรวงกำหนดว่าเลขหมายประจำตัวผู้สมัครต้องมีเลขไทยและเลขอารบิคควบคู่กันทั้งสองอย่าง ดังนั้น การที่ใช้เพียงเลขใดเลขหนึ่งย่อมถือว่าเป็นเลขหมายประจำตัวผู้สมัครไม่ได้ เพราะเป็นเลขหมายที่ไม่ถูกต้องตามกฎกระทรวง บัตรประเภทนี้จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 49 และใช้นับเป็นคะแนนเลือกตั้งไม่ได้
บัตรที่มีเลขหมายประจำตัวของผู้สมัครบางคนเสียปะปนอยู่ในซองบัตรเลือกตั้งเดียวกันไม่ถือว่าเป็นบัตรเสียทั้งหมด คงเสียเฉพาะเลขหมายที่ไม่ชอบเท่านั้น ส่วนเลขหมายอื่น ๆ ที่ถูกต้องถือว่าเป็นบัตรดี
บัตรที่ปิดเลขหมายประจำตัวผู้สมัครคว่ำต้องมองกับแสงสว่างจึงเห็นเงาเลขหมาย ถือว่าเป็นบัตรเสียตามมาตรา 58(2) เพราะอ่านโดยวิธีธรรมดาไม่รู้ว่าเป็นเลขหมายอะไร
แม้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนจะปรากฏว่าในหน่วยเลือกตั้งแห่งหนึ่งมีบัตรเลือกตั้งในหีบบัตรเกินกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งถึง 500 บัตรเศษซึ่งเป็นการไม่ชอบ แต่หากจะเอาคะแนนของผู้ที่ได้รับเลือกตั้งในหน่วยนี้ออกเสียทั้งหมด ก็ไม่ทำให้ผลของการเลือกตั้งสำหรับผู้ได้รับเลือกตั้งบางคนเปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรกและวรรคสาม วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2-3/2513)
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนของจังหวัดร้อยเอ็ดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 ซึ่งมีผู้ได้รับเลือกตั้ง 5 คน คือนายสมบูรณ์ ทวีวัฒน์ นายสมพร จรีมาศ ร้อยเอกสมบูรณ์ ไพรินทร์ ร้อยตรีอำพัน สุวรรณโชติ และนายเสมอ อัครปรีดี ว่าเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ แต่คงติดใจเฉพาะเหตุในคำร้องข้อ 3(1) ก.ข.ค. และข้อ 3 (2) กล่าวคือ
ข้อ 3(1) การตรวจนับคะแนนฝ่าฝืนมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน และการวินิจฉัยชี้ขาดบัตรเลือกตั้งไม่เป็นบรรทัดฐานเดียวกันทุกหน่วย โดย
ก. บัตรที่ปิดเลขหมายประจำตัวผู้สมัคร เลขไทยหรือเลขอารบิคเพียงเลขใดเลขหนึ่งกลางหน่วยถือว่าเป็นบัตรดี แต่บางหน่วยถือว่าเป็นบัตรเสีย
ข. บัตรเลือกตั้งที่มีบัตรเสีย (เลขหมายประจำตัวผู้สมัคร) ปะปนอยู่ในซองบัตรเลือกตั้งเดียวกัน บางหน่วยถือว่าเลขหมายประจำตัวในบัตรเลือกตั้งนั้นเสียไปทั้งหมด แต่บางหน่วยถือว่าเป็นบัตรเสียเฉพาะหมายเลขนั้น ๆ ส่วนเลขอื่นถือว่าเป็นบัตรดี
ค. บัตรที่ปิดคว่ำเอาเลขเครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครเข้าด้านในต้องมองกับแสงสว่างจึงเห็นเงาเลขหมาย บางหน่วยถือว่าเป็นบัตรดีแต่บางหน่วยถือว่าเป็นบัตรเสีย
(2) จำนวนคะแนนบัตรเลือกตั้งในหีบลงบัตรไม่ตรงกับจำนวนผู้ใช้สิทธิที่หมายเหตุว่า “มา” ในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ขอให้มีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่
ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดและสมาชิกสภาผู้แทนที่ได้รับเลือกตั้งทั้ง 5 คน ยื่นคำคัดค้านว่า การเลือกตั้งเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ไม่มีเหตุที่จะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่
คู่ความทั้งสองฝ่ายขอให้ศาลเรียกหีบบัตรเลือกตั้งทุกอำเภอมาเปิดนับ และรับข้อเท็จจริงกันตามนั้น โดยไม่ติดใจสืบพยานบุคคลแล้วขอให้ศาลวินิจฉัยว่า การวินิจฉัยของคณะกรรมการเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งชอบหรือไม่ ถ้าไม่ชอบ การเลือกตั้งจะชอบหรือไม่ และสมควรให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่
ศาลจังหวัดร้อยเอ็ดได้ดำเนินการตรวจนับบัตรแล้ว และทำความเห็นส่งสำนวนมาศาลฎีกาว่า ควรยกคำร้องของผู้ร้อง
ปัญหาเกี่ยวกับบัตรลงคะแนนตามที่ผู้ร้องได้ร้องคัดค้านมานั้นมีอยู่ 3 ประเภท คือ
1. บัตรที่ปิดเลขหมายประจำตัวของผู้สมัครแต่เลขไทยหรือเลขอารบิคเพียงเลขใดเลขหนึ่ง จะถือว่าเป็นบัตรดีหรือบัตรเสีย
2. บัตรที่มีเลขหมายประจำตัวของผู้สมัครบางคนเสียปะปนอยู่ในซองบัตรเลือกตั้งเดียวกัน จะถือว่าเป็นบัตรเสียไปทั้งหมดหรือเสียเฉพาะเลขหมายนั้น ๆ ส่วนเลขหมายอื่นถือว่าเป็นบัตรดี
3. บัตรที่ปิดเลขหมายคว่ำ ต้องมองกับแสงสว่างจึงเห็นเงาเลขหมาย จะถือว่าเป็นบัตรดีหรือบัตรเสีย
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า
1. บัตรประเภท 1 นี้ไม่มีลักษณะเป็นบัตรเสียตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ. 2511 มาตรา 58
2. มาตรา 49 บัญญัติว่า “การลงคะแนนเลือกตั้งให้ใช้วิธีปิดเลขหมายประจำตัวผู้สมัครลงในบัตรเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง” ตามกฎกระทรวงกำหนดไว้ว่าเลขหมายประจำตัวผู้สมัครต้องมีเลขไทยและเลขอารบิคควบคู่กันทั้งสองอย่าง ฉะนั้นการที่ใช้แต่เพียงเลขหมายใดเลขหมายหนึ่ง จะถือว่าเป็นเลขหมายประจำตัวผู้สมัครไม่ได้เพราะเป็นเลขหมายที่ไม่ถูกต้องตามกฎกระทรวง บัตรประเภทนี้จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อมาตรา 49
3. เมื่อเป็นบัตรที่ลงคะแนนฝ่าฝืนต่อมาตรา 49 แล้ว จะใช้นับเป็นคะแนนเลือกตั้งไม่ได้
บัตรประเภท 2 ศาลฎีกาเห็นว่า ในกรณีเช่นนี้จะถือว่าเป็นบัตรเสียไปทั้งหมดไม่ได้คงเสียเฉพาะเลขหมายที่ไม่ชอบเท่านั้น ส่วนเลขหมายอื่น ๆ ที่ถูกต้อง ถือว่าเป็นบัตรดี
บัตรประเภท 3 ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า การอ่านเลขหมายนั้นย่อมหมายถึงการเปิดออกอ่านด้วยวิธีธรรมดาซึ่งปฏิบัติกันอยู่เป็นปกติทั่ว ๆ ไปกรรมการตรวจนับคะแนนไม่จำเป็นต้องเอาไปส่องกับแสงสว่างเพื่อให้เห็นเงาเลขหมายอันเป็นวิธีพิเศษเช่นนั้น เมื่อเลขหมายปิดคว่ำไม่รู้ว่าเป็นเลขหมายอะไรแล้ว ก็ต้องถือว่าบัตรประเภทนี้เป็นบัตรเสียตามมาตรา 58(2)
เมื่อวินิจฉัยบัตรทั้ง 3 ประเภทแล้ว คะแนนของผู้ร้องและผู้ได้รับเลือกตั้งมีผลเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะคะแนนของนายเสมอผู้ได้รับเลือกตั้งคนที่ 5 ได้น้อยกว่าคะแนนของนายจรินทร์ผู้ร้องที่ 1 ถึง 75 คะแนน ผลของการเลือกตั้งจึงผิดไป ส่วนผู้ร้องอีก 7 คน ได้คะแนนน้อยกว่าผู้ร้องที่ 1 เป็นจำนวนมาก
ส่วนข้อกล่าวหาของผู้ร้องที่ว่าจำนวนบัตรในหีบไม่ตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธินั้น ปรากฏว่าหน่วยเลือกตั้งที่ 2 ตำบลบ้านดู่ อำเภออาจสามารถ มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 42 คน แต่มีบัตรในหีบถึง 621 บัตร เกินกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ 579 บัตร เห็นได้ว่าการเลือกตั้งหน่วยนี้ไม่ชอบ ส่วนหน่วยอื่น ๆ จำนวนบัตรเกินจำนวนผู้ใช้สิทธิอย่างมากไม่เกินหน่วยละ 10 บัตร ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลจังหวัดร้อยเอ็ดว่า กรรมการอาจนับผิดพลาดไป
มีปัญหาว่า สมควรจะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมดหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าจะเอาคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้งในหน่วยที่วินิจฉัยว่า เป็นการไม่ชอบออกเสียทั้งหมด คะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้ง 4 คนแรกก็ยังมีจำนวนสูงกว่าคะแนนของผู้ร้องที่ 1 ซึ่งอยู่ในอันดับถัดไป ไม่ทำให้ผลของการเลือกตั้งสำหรับ 4 คนแรกเปลี่ยนแปลง ศาลฎีกาเห็นสมควรให้มีการเลือกตั้งใหม่แทนนายเสมอแต่ผู้เดียว
จึงมีคำสั่งว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนของจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นไปโดยไม่ชอบสมควรให้มีการเลือกตั้งใหม่แทนนายเสมอ อัครปรีดี แต่ผู้เดียว ส่วนผู้ได้รับเลือกตั้งอีก 4 คน จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่แทน