คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1, 5, 6, 7 และ 8 ได้ร่วมกันเรียกร้องเงินจากผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแต่งตั้งจากทางการให้มีหน้าที่สำรวจที่ดิน เมื่อจำเลยที่ 1 เรียกร้องขืนใจให้ผู้เสียหายที่มาแจ้งการสำรวจที่ดินมอบเงินให้ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148ส่วนจำเลยที่ 5, 6, 7 และ 8 มิได้มีหน้าที่ในการสำรวจที่ดินด้วยจึงมีความผิดเพียงเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ประกอบด้วยมาตรา 86

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองหอย จำเลยที่ 2 เป็นสารวัตรกำนันตำบลจรเข้ จำเลยที่ 3 เป็นผู้ใหญ่บ้านบ้านหัวนา จำเลยที่ 4 เป็นผู้ใหญ่บ้าน บ้านจรเข้ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จดสำรวจรายชื่อเจ้าของที่ดินและจำนวนที่ดินเพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ จำเลยที่ 5 ที่ 6เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองหอย จำเลยที่ 7 ที่ 8 เป็นราษฎรหมู่บ้านเดียวกัน จำเลยทั้งหมดได้สมคบกันเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย หากไม่ยอมให้เงินจำเลยจะไม่ทำการสำรวจที่ดินให้ ผู้เสียหายกับพวกเกรงว่าจำเลยจะไม่ทำการสำรวจที่ดินให้ จึงยอมมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้ไป แล้วจำเลยได้นำเงินนั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต ซึ่งความจริงทางราชการมิได้สั่งให้จำเลยเรียกเก็บในการสำรวจครั้งนี้แต่อย่างใดขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 149 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 4, 5 และขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 144 บาทแก่เจ้าทรัพย์ด้วย

นายจันทร์ คุณมั่น และนายอ่าง ผาบุญมี ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่า จำเลยที่ 1 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8 ได้ร่วมกันเรียกร้องเก็บเงินจากผู้เสียหายในคดีนี้จริง โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแต่งตั้งจากทางราชการให้มีหน้าที่สำรวจที่ดิน จำเลยที่ 5ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8 ไม่มีหน้าที่ในการสำรวจที่ดิน จึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว ให้จำคุก 5 ปี จำเลยที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8 มีความผิดเพียงเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ที่แก้ไขแล้ว ประกอบด้วยมาตรา 86 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 154 บาทแก่เจ้าทรัพย์นั้นคดีไม่ใช่ความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 พนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจเรียกทรัพย์คืนแทนผู้เสียหายได้ จึงให้ยกคำขอของโจทก์ในข้อนี้ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าได้ร่วมกระทำผิดในครั้งนี้ด้วย ให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 1 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8 เรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายในการรับแจ้งสำรวจที่ดิน แต่มีราษฎรมาแจ้งการสำรวจที่ดินบางคนออกเงินคนละเล็กน้อยช่วยเหลือเป็นค่าอาหารเลี้ยงดูเจ้าหน้าที่ที่ทำการสำรวจที่ดินโดยจำเลยมิได้เรียกร้อง และได้ใช้จ่ายไปในการนั้นหมด ไม่ได้นำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว พฤติการณ์ดังกล่าวฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยสุจริตดังโจทก์ฟ้อง พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8 ได้ร่วมกันเรียกร้องเงินจากผู้เสียหายในคดีนี้จริงตามฟ้อง สำหรับจำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้รับแต่งตั้งจากทางการให้มีหน้าที่สำรวจที่ดิน เมื่อจำเลยที่ 1เรียกร้องขืนใจให้ผู้เสียหายที่มาแจ้งการสำรวจที่ดินมอบเงินให้เช่นนี้จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ส่วนจำเลยที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 ที่ 8 มิได้มีหน้าที่ในการสำรวจที่ดินรายนี้ด้วย จึงมีความผิดเพียงเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ประกอบด้วยมาตรา 86

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share