แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนว่าร่วมกันกระทำผิด จำเลยบางคนรับสารภาพ บางคนปฏิเสธ ศาลสั่งให้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่ภายใน 7 วัน เป็นการสั่งจำหน่ายคดีที่เกี่ยวกับจำเลยที่ปฏิเสธ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา176 วรรคสอง เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้มาใหม่ภายในกำหนด คดีนี้จึงเป็นคดีใหม่ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงต้องดำเนินคดีใหม่นี้ให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาจะนำการดำเนินคดีที่โจทก์ได้ปฏิบัติไว้แล้วในคดีเดิมมาถือว่าเป็นการดำเนินคดีนี้ด้วยไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้กระทำได้ จึงนำบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิมมาถือเป็นบัญชีพยานในคดีนี้ด้วยไม่ได้
โจทก์และจำเลยเป็นคู่ความเดียวกันในคดีเดิมก่อนที่ศาลจะสั่งให้แยกฟ้องข้อความและข้อหาที่ฟ้องและขอให้ลงโทษเป็นทำนองเดียวกันกับคดีนี้ พยานโจทก์ทุกคนที่ศาลสืบมาในคดีนี้ก็เป็นพยานที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิม การที่โจทก์ไม่ได้ ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีที่ฟ้องใหม่นี้จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกัยประเด็นสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนกฎหมายจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๑๘ เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองในคดีนี้และจำเลยทั้งสามในคดีหมายเลขแดง ที่ ๑๙๙๓/๒๕๑๘ ของศาลจังหวัดชลบุรีและพวกอีก ๒ คน บังอาจรวมกันซ่องโจรร่วมปรึกษาวางแผนลักกระบือผู้อื่น เหตุเกิดที่
ตำบลสระสี่เหลี่ยม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๐
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๑๐ จำคุกคนละ ๑ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ตามสำนวนปรากฏว่าเดิมโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ คดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ตามลำดับในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๙๙๓/๒๕๑๘ ของศาลจังหวัดชลบุรี จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ในคดีดังกล่าวและพวกอีก ๒ คนร่วมกันเป็นซ่องโจรจำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ โจทก์ยื่นบัญชีพยานลงวันที่ ๑๖ มิถุนายน๒๕๑๘ ไว้ในคดีดังกล่าว ต่อมาจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจังหวัดชลบุรีมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยทั้งสองออกจากคดีดังกล่าวภายใน ๗ วัน โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองใหม่ตามคดีนี้ และโจทก์นำพยานเข้าสืบโดยไม่ได้ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีนี้
คดีมีปัญหาว่าพยานโจทก์ที่นำสืบในคดีนี้โดยโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีนี้ด้วยจะรับฟังได้หรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีที่จำเลยทั้งสองถูกฟ้องร่วมกบจำเลยอื่นอีก ๓ คน ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๙๙๓/๒๕๑๘ ของศาลจังหวัดชลบุรี จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยอื่นอีก ๓ คน ให้การรับสารภาพ ศาลจังหวัดชลบุรีมีคำสั่งให้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีใหม่ภายใน ๗ วัน เป็นการสั่งจำหน่ายคดีที่เกี่ยวกับจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๖ วรรค ๒ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด คดีนี้จึงเป็นคดีใหม่ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงต้องดำเนินคดีนี้ใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณา จะนำการดำเนินคดีที่โจทก์ได้ปฏิบัติไว้แล้วในคดีดังกล่าวมาถือเป็นการดำเนินคดีนี้ด้วยไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้กระทำได้ ฉะนั้น จึงนำบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้แล้วในคดีดังกล่าวมาเป็นพยานในคดีนี้ด้วยไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ดีโจทก์และจำเลยทั้งสองเป็นคู่ความเดียวในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๙๙๓/๒๕๑๘ ข้อความและข้อหาที่ฟ้องและขอให้ลงโทษเป็นทำนองเดียวกันกับคดีนี้ พยานโจทก์ทุกคนที่ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกมาเป็นพยานเบิกความในคดีนี้ก็มีรายชื่อในบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีดังกล่าว การที่โจทก์ไม่ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีนี้จึงไม่ทำให้จำเลยทั้งสองเสียเปรียบแต่ประการใด พฤติการณ์ที่ศาลขั้นต้นพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในคดีนี้โดยโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานนั้น เห็นได้ว่าศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญ ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๗ (๒) การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๘ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ พยานโจทก์จึงรับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้นั้น เป็นการวินิจฉัยตามหลักทั่วไปที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๗ วรรคแรก แต่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานโจทก์ตามมาตรา ๘๗ (๒) ซึ่งเป็นข้อยกเว้นที่ให้อำนาจของศาลชั้นต้นที่จะรับฟังได้ และตามข้อเท็จที่ปรากฏในคดีนี้การที่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานโจทก์เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการชอบแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์โดยอ้างเหตุเพราะโจทก์ไม่ยื่นบัญชีพยานนั้นเป็นการไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี