คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันวินาศภัยรถยนต์คันเกิดเหตุ และรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างให้ร่วมรับผิดกันจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถโดยประมาทชนรถที่เอาประกันเสียหาย จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธว่าโจทก์มิได้เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าว กรมธรรม์ประกันภัยเป็นเอกสารปลอม ความเสียหายเกิดเพราะความประมาทของลูกจ้างผู้เอาประกัน ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหาย และขอให้เรียกผู้เอาประกันกับลูกจ้างเข้ามาเป็นจำเลยตามฟ้องแย้งด้วย ดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 2 ปฏิเสธฟ้องว่า โจทก์มิใช่ผู้รับประกันภัย จึงไม่มีมูลที่จำเลยที่ 2 จะฟ้องแย้งโจทก์ตามสัญญาประกันภัยเพราะมิได้เกี่ยวกับฟ้องเดิม เมื่อศาลไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย จึงไม่อาจเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยตามฟ้องแย้งได้เช่นกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัดได้รับประกันวินาศภัยรถยนต์บรรทุกไว้จากนายรังสรรค์ผู้เอาประกัน จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นลูกจ้างกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ ได้ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถที่โจทก์รับประกันไว้เสียหาย โจทก์ต้องซ่อมรถยนต์คันดังกล่าวตามสัญญาประกัน โจทก์ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิ จึงเข้าสวมสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธว่าโจทก์มิได้เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวในฟ้อง กรมธรรม์ประกันภัยตามสำเนาท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอม ความเสียหายเกิดจากความประมาทของลูกจ้างผู้เอาประกัน และเป็นเหตุให้นายสุเทพซึ่งนั่งมาในรถยนต์ถึงแก่ความตายทันทีและนายเฉลียวได้รับบาดเจ็บสาหัสตาบอดทั้งสองข้าง จำเลยที่ ๒ ต้องเสียค่าทำศพ ค่ารักษาพยาบาลและค่าเลี้ยงดูบุคคลทั้งสอง และต้องซ่อมรถยนต์ของตนเองจึงขอฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหาย และมีหมายเรีกยผู้เอาประกันและลูกจ้างเข้ามาเป็นจำเลยตามฟ้องแย้งให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยที่ ๒ พร้อมดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การของจำเลยที่ ๒ ส่วนฟ้องแย้งให้รับไว้เฉพาะที่ฟ้องแย้งเกี่ยวกับโจทก์ ที่ฟ้องแย้งผู้เเอาประกันและลูกจ้างเป็นฟ้องแย้งที่ขอบังคับบุคคลภายนอก ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๒ ในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ไว้ไม่ชอบ เพราะโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในนามของผู้เอาประกันภัยเฉพาะกรณีเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนและภายในขอบเขตแห่งสัญญาประกันภัย เมื่อจำเลยที่ ๒ ปฏิเสธว่าโจทก์มิใช่ผู้รับประกันภัยกรมธรรม์ประกันภัยตามสำเนาท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอม ไม่มีมูลที่จำเลยที่ ๒ จะอ้างเพื่อฟ้องแย้งโจทก์ ปัญหาอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์หยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ เมื่อไม่รับฟ้องแย้งในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ไว้พิจารณา ไม่อาจเรียกบุคคลภายนอก คือนายใสและนายรังสรรค์เข้ามาเป็นจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๓) (ก) ได้ พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้รับประกันวินาศภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ส.ค. ๐๐๔๕๑ ประเภทชดใช้ค่าเสียหายโดยสิ้นเชิงไว้จากนายรังสรรค์ โจทก์รับช่วงสิทธิจากนายรังสรรค์ผู้เอาประกันมาฟ้องจำเลยที่ ๒ ในฐานะนายจ้างให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นลูกจ้างชดใช้ค่าเสียหายเพราะจำเลยที่ ๑ ประมาทขับรถชนรถที่เอาประกันเสียหาย จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธว่า โจทก์มิได้เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ส.ค. ๐๐๔๕๑ นายรังสรรค์ไม่เคยทำสัญญาประกันภัยไว้กับโจทก์ และกรมธรรม์ประกันภัยตามสำเนาท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอม นอกจากนี้ต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ มิได้ประมาท เป็นความประมาทของลูกจ้างนายรังสรรค์ ชนรถของจำเลยที่ ๒ เสียหาย มีคนตายและได้รับบาดเจ็บ จึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหาย เช่นนี้ เมื่อจำเลยที่ ๒ ปฏิเสธฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์มิใช่ผู้รับประกันภัย จึงไม่มีมูลที่จำเลยที่ ๒ จะฟ้องแย้งโจทก์ตามสัญญาประกันภัย เพราะมิได้เกี่ยวกับฟ้องเดิม ส่วนที่ฟ้องแย้งนายใสและนายรังสรรค์นั้น เมื่อศาลไม่รับฟ้องแย้งในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ จึงไม่อาจเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยตามฟ้องแย้งได้เช่นเดียวกัน
พิพากษายืน

Share