คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การขอถอนผู้จัดการมรดกจะต้องมีเหตุที่จะถอนและต้องร้องขอก่อนที่การปันมรดกเสร็จสิ้นลง เป็นเรื่องอำนาจฟ้อง ไม่ใช่คดีที่เกี่ยวกับการจัดการมรดกที่จะต้องฟ้องภายใน 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกเสร็จสิ้นลงซึ่งเป็นเรื่องสิทธิเรียกร้อง คดีนี้ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกประเด็นแห่งคดีจึงมีเพียงว่ามีเหตุให้ถอนผู้จัดการมรดกและได้ร้องขอก่อนการปันมรดกเสร็จสิ้นลงหรือไม่ ไม่มีประเด็นเรื่องคดีขาดอายุความหรือไม่ แม้ผู้ร้องจะกล่าวอ้างมาในคำคัดค้านก็เป็นเรื่องเกินเลยไม่เกี่ยวกับประเด็น เมื่อปรากฏว่าการจัดการมรดกเสร็จสิ้นแล้ว ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิร้องขอถอนผู้ร้องออกจากตำแหน่งผู้จัดการมรดกตามมาตรา 1727 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนางชูจิตต์ นิเวศานนท์ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายชิต พันธ์นฤกหรือพรรณลึก ผู้ตาย

ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามคำสั่งศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 591/2526 รับโอนมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 8804 ตำบลเกาะเกิด อำเภอพระราชวัง (บางปะอิน)จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปเป็นของตนโดยไม่ปันมรดกแก่ทายาทอื่นและร้องขอจัดการมรดกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาททั้งปวงเพราะเกรงจะถูกคัดค้านเนื่องจากมีเจตนาไม่สุจริต ขอให้ถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก โดยตั้งผู้คัดค้านซึ่งเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันเป็นผู้จัดการมรดกแทน

ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านว่า เจ้ามรดกมีทรัพย์มรดกเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 8804 เพียงแปลงเดียว และผู้ร้องรับโอนมรดกที่ดินแปลงนั้นไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2533 โดยไม่มีทายาทคนใดคัดค้าน การปันมรดกรายนี้เสร็จสิ้นลงเกินกว่า 5 ปีแล้ว คำฟ้องเกี่ยวกับการจัดการมรดกจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1733 ผู้คัดค้านเคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดทหารบกราชบุรีในคดีหมายเลขแดงที่ 3 ก/2530 และคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขแดงที่ 196/2533 จนถูกกองทัพบกถอดยศปลดออกจากราชการโดยไม่มีบำเหน็จบำนาญ จึงขอเงิน 150,000 บาท และรถยนต์เก๋งโฮลเด็นจากผู้ร้องเพื่อนำไปประกอบอาชีพและแสดงเจตนาสละมรดกแล้ว จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกต่อไป ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ

ผู้คัดค้านอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

ผู้คัดค้านฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่าที่ศาลล่างทั้งสองหยิบยกประเด็นที่ว่าการคัดค้านการจัดการมรดกคดีนี้ขาดอายุความขึ้นวินิจฉัยเป็นการชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีขอถอนผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727วรรคหนึ่ง ซึ่งจะต้องมีเหตุที่จะถอนและต้องร้องขอก่อนที่การปันมรดกเสร็จสิ้นลง เป็นเรื่องอำนาจฟ้อง ไม่ใช่คดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกที่จะต้องฟ้องภายในห้าปีนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลงซึ่งเป็นเรื่องสิทธิเรียกร้องประเด็นแห่งคดีนี้จึงมีเพียงว่า มีเหตุให้ถอนผู้จัดการมรดกและการร้องขอถอนผู้จัดการมรดกได้ร้องก่อนการปันมรดกเสร็จสิ้นหรือไม่ โดยไม่มีประเด็นเรื่องคดีขาดอายุความฟ้องร้องหรือไม่แม้ผู้ร้องจะกล่าวอ้างมาในคำคัดค้าน ก็เป็นเรื่องเกินเลยไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ศาลล่างหยิบยกเรื่องคดีขาดอายุความการจัดการมรดกตามมาตรา 1733 วรรคสอง ขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของผู้คัดค้านในข้อนี้ฟังขึ้น ส่วนที่ผู้คัดค้านฎีกาขอให้ถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกนั้น เห็นว่า เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังมาดังกล่าวข้างต้น ดังนั้นการปันมรดกคดีนี้จึงเสร็จสิ้นลงตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2533การใช้สิทธิขอถอนผู้จัดการมรดกของผู้คัดค้านจึงพ้นกำหนดเวลาตามมาตรา 1727 วรรคหนึ่ง ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิร้องขอถอนผู้ร้องออกจากตำแหน่งผู้จัดการมรดก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องคัดค้านนั้นชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share