คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เข้าหุ้นส่วนทำการค้าข้าวเปลือก ข้าวสารกับผู้ตายเพื่อแบ่งปันกำไรกัน ผู้ตายลงทุนด้วยโรงสี โจทก์ลงทุนด้วยเงินสด โดยโจทก์ได้เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไว้แก่ธนาคารแล้วขอกู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้จำนวนหนึ่ง เมื่อโจทก์ได้รับสมุดเช็คจากธนาคารแล้ว โจทก์ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายในเช็คทั้งหมดมอบให้ผู้ตายไปกรอกจำนวนเงินและวันที่สั่งจ่ายเอง เพื่อใช้ซื้อข้าวเปลือกมาสี เมื่อขายข้าวที่สีได้แล้วผู้ตายนำเงินฝากเข้าบัญชีของโจทก์ ต่อมาผู้ตายถึงแก่ความตายก่อนที่จะแบ่งปันผลกำไรกัน โจทก์เป็นหนี้ธนาคารอยู่ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและโจทก์ถูกธนาคารฟ้องให้ชำระหนี้ดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเป็นคดีนี้ ขอให้บังคับจำเลยแบ่งปันผลกำไรและใช้ทุนเท่าจำนวนที่โจทก์ถูกธนาคารฟ้องเรียกคืนให้แก่โจทก์ ทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนทำการค้าข้าวเปลือกข้าวสารกับผู้ตายตามฟ้อง แต่ฟังได้ว่าผู้ตายได้ขอให้โจทก์ช่วยหาเงินมาให้ผู้ตายเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการโรงสีของผู้ตายด้วยการกู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ผู้ตายใช้เช็คของโจทก์เพื่อประโยชน์ในกิจการโรงสีของผู้ตาย ทำให้โจทก์เป็นหนี้ธนาคารตามจำนวนในฟ้อง ซึ่งเข้าใจได้โดยปริยายว่าผู้ตายต้องชำระหนี้นั้นแก่ธนาคารแทนโจทก์ มิฉะนั้นโจทก์ก็ต้องรับผิดชำระแก่ธนาคาร เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาเป็นข้อที่โจทก์ได้บรรยายมาในคำฟ้องแล้ว ทั้งได้มีคำขอให้จำเลยชำระเงินเท่าจำนวนที่โจทก์ถูกธนาคารฟ้องด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เข้าหุ้นส่วนทำการค้าข้าวเปลือกข้าวสารกับนางสุติโจทก์ลงทุนด้วยเงินสด นางสุติลงทุนด้วยโรงสี โจทก์เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไว้แก่ธนาคารแล้วขอกู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้ โจทก์ได้ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายในเช็คทั้งหมดมอบให้นางสุติเป็นผู้กรอกจำนวนเงินและวันที่สั่งจ่ายเองเพื่อใช้ซื้อข้าวเปลือกมาสี เมื่อขายข้าวที่สีได้แล้วนางสุตินำเงินฝากเข้าบัญชีของโจทก์ ต่อมานางสุติตาย ปรากฏว่ากิจการหุ้นส่วนมีกำไร โจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งกำไร ๖๔,๐๐๐ บาท และปรากฏตามบัญชีเงินฝากโจทก์เป็นหนี้ธนาคารอยู่ ๑๕๒,๐๘๑.๗๔ บาท ธนาคารฟ้องเรียกร้องเงินจำนวนนี้พร้อมดอกเบี้ยจากโจทก์ ขอให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสุติใช้เงินจำนวนที่ถูกธนาคารฟ้องเรียกและผลกำไรแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า นางสุติไม่เคยเข้าหุ้นส่วนกับโจทก์ เช็คที่โจทก์อ้างในฟ้องเป็นเรื่องการกู้ยืมกันและนางสุติได้ใช้คืนให้โจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์มิได้เข้าหุ้นส่วนกับนางสุติผู้ตายแต่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ตายขอร้องโจทก์ให้ช่วยเหลือหาเงินมาเป็นทุนหมุนเวียนชั่วคราวด้วยการกู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารโดยผู้ตายเป็นผู้ค้ำประกันให้ ผู้ตายใช้เช็คของโจทก์เพื่อประโยชน์ในกิจการโรงสีข้าวของผู้ตาย ทำให้โจทก์เป็นหนี้ธนาคารตามจำนวนเงินในคำฟ้อง เป็นอันเข้าใจได้โดยปริยายว่าผู้ตายต้องชำระหนี้นั้นแก่ธนาคารแทนโจทก์ แต่เมื่อผู้ตายไม่ชำระโจทก์ก็ต้องรับผิดชำระแก่ธนาคารเอง โจทก์บรรยายข้อเท็จจริงมาในคำฟ้องแล้ว ทั้งมีคำขอให้จำเลยชำระเงินเท่าจำนวนที่ถูกธนาคารฟ้องด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้ได้
พิพากษากลับ ให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสุติชำระเงินเท่าจำนวนที่โจทก์ถูกธนาคารฟ้องให้แก่โจทก์

Share