คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นดวด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเล่นสกาพนัน การเล่นดวดเป็นผิดตามมาตรา 4 ส่วนการเล่นสกาพนันเป็นความผิดตามมาตรา 4 ทวิ ซึ่งเป็นคนละบทมาตรากัน จึงต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงนั้น ๆ ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 3 และเมื่อเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ให้มิต้องถูกรับโทษได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเล่นการพนันดวดพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตและจัดให้มีขึ้นเพื่อเป็นทางนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน จำเลยที่ ๒ มีประวัติการต้องโทษท้ายฟ้อง พ้นโทษแล้วยังไม่ครบสามปี มากระทำความผิดคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๔, ๕, ๖, ๑๐, ๑๒ พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๕ มาตรา ๓ และพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๓ และพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๓ และขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ด้วย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ จำเลยที่ ๒ รับว่าเคยต้องโทษ พ้นโทษมาตามฟ้องจริง
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ มาตรา ๑๒ จำเลยที่ ๒ เคยต้องโทษมาแล้ว จึงเพิ่มโทษตามมาตรา ๑๔ ทวิ ด้วย ให้ปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๒๐๐ บาท จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑ เดือน ปรับ ๖๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๑ ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ของกลางริบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑ ไม่รับ เพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการเล่นดวด เท่าที่พอจะเป็นไปได้ก็เป็นเพียงการเล่นสกาเท่านั้น ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงต่างกับที่โจทก์กล่าวในฟ้องในข้อสารสำคัญ ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ เมื่อเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี จึงมีผลถึงจำเลยที่ ๑ ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๓ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ของกลางไม่ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเล่นสกามิได้เล่นดวดดังฟ้องโจทก์ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นดวด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเล่นสกาพนัน การเล่นดวดเป็นผิดตามมาตรา ๔ ส่วนการเล่นสกาพนันเป็นความผิดตามมาตรา ๔ ทวิ ซึ่งเป็นคนละบทมาตรากัน จึงต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงนั้น ๆ ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรค ๓ และเมื่อเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ ๑ ให้มิต้องถูกรับโทษได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๓
พิพากษายืน

Share