คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1914/2529

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่จะอาศัยข้อเท็จจริงตามพฤติการณ์ฟังว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1555 จะต้องมีการฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย เท่านั้น แต่พฤติการณ์ที่ผู้ตายอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษา ให้ผู้ร้องใช้นามสกุล และผู้ตายแสดงต่อบุคคลอื่น ๆ ว่า ผู้ร้องเป็นบุตร ก็ฟังได้ว่าผู้ตายรับรองว่าผู้ร้องเป็นบุตร นอกกฎหมายของตนตามมาตรา 1627 ผู้ร้องจึงเป็นผู้สืบสันดาน เหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ตามมาตรา 1713 ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 กำหนดถึงตัวบุคคลว่าผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกมิได้มีการบังคับว่าต้องยื่นบัญชีแสดงเครือญาติโดยละเอียดและ ถือว่าการยื่นบัญชีเครือญาติเป็นสาระสำคัญ การที่ผู้ร้องยื่นบัญชีเครือญาติของตนแต่ฝ่ายเดียวโดยไม่ยื่นบัญชีเครือญาติของผู้คัดค้านทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นทายาทของผู้ตายนั้นเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงอื่น ๆ นำมาให้รับฟังโดยแจ้งชัดว่าผู้ร้องมีเจตนาจะปิดบังมิให้ทายาทอื่นรับมรดก ซึ่งผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก กรณีจึงยังไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนมิให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก

ย่อยาว

เดิมศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกต่อมาผู้คัดค้านมาร้องคัดค้านโดยอาศัยอำนาจตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 ขอให้ศาลสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “มีปัญหาว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นบุตรที่ผู้ตายรับรองและมีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายหรือไม่ ผู้คัดค้านนำสืบว่าผู้ร้องเป็นบุตรคนหนึ่งในจำนวน 8 คน ของผู้ตายกับนางวิมล โรจน์วิถีผู้ตายและนางวิมลไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันสำหรับผู้คัดค้านทั้งสองเป็นบุตรของผู้ตายกับนางวานยูร์ ปากิริจิอุมมาลจดทะเบียนสมรสโดยชอบด้วยกฎหมายที่ประเทศอินเดีย ผู้ตายกับนางวานยูร์มีบุตรด้วยกัน 6 คน รวมทั้งผู้คัดค้านทั้งสอง ผู้คัดค้านที่ 1ได้เดินทางจากประเทศอินเดียมาอยู่บ้านเดียวกับผู้ตายนางวิมล ผู้ร้อง และพี่น้องผู้ร้องผู้ตายเป็นผู้เสียค่าเล่าเรียนให้ผู้ร้องและพี่น้องของผู้ร้องทุกคนรวมทั้งผู้คัดค้านที่ 1 และให้ผู้ร้องกับพี่น้องผู้ร้องใช้นามสกุลมาริกันของผู้ตาย ผู้ตายเคยพานางวิมลและผู้ร้องไปพักที่บ้านนางวานยูร์ที่ประเทศอินเดียแนะนำผู้ร้องต่อนางวานยูร์ผู้คัดค้านที่ 2 และญาติพี่น้องผู้คัดค้านว่าผู้ร้องเป็นบุตรของตน พิเคราะห์แล้วคดีนี้ผู้ร้องมิได้นำสืบให้ปรากฏว่าผู้ตายได้จดทะเบียนรับรองว่าผู้ร้องเป็นบุตร ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าพฤติการณ์ที่ผู้ตายให้การศึกษาให้ความอุปการะเลี้ยงดูยอมให้ผู้ร้องใช้นามสกุลและกล่าวแสดงต่อบุคคลอื่น ๆ ว่าผู้ร้องเป็นบุตรนั้นฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1555 ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้น เห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกต้องตามที่ผู้คัดค้านที่ 2 ฎีกา เพราะการที่จะอาศัยข้อเท็จจริงดังกล่าวฟังว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 1555 จะต้องมีการฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดีข้อเท็จจริงที่ปรากฏแล้วดังกล่าวแม้จะฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายก็ตาม แต่พฤติการณ์ที่ผู้ตายอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาให้ผู้ร้องใช้นามสกุลและผู้ตายแสดงต่อบุคคลอื่น ๆ ว่าผู้ร้องเป็นบุตรก็ฟังได้ว่าผู้ตายรับรองว่าผู้ร้องเป็นบุตรนอกกฎหมายของตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 ผู้ร้องจึงเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 ได้ฎีกาของผู้คัดค้านที่ 1 ว่าผู้ร้องมิใช่บุตรที่บิดารับรองไม่มีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายฟังไม่ขึ้น มีปัญหาต่อไปว่า การที่ผู้ร้องไม่แสดงบัญชีเครือญาติของผู้คัดค้านต่อศาลในการขอเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผู้คัดค้านและพี่น้องผู้คัดค้านเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายและผู้ร้องแสดงบัญชีเครือญาติฝ่ายผู้ร้องว่าผู้ตายมีทายาทดังกล่าวเท่านั้นกรณีจะฟังได้หรือไม่ว่าผู้ร้องมีเจตนาปิดบัง เพื่อมิให้ทายาทอื่นรับมรดกผู้ตาย ผู้ร้องจึงไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 กำหนดถึงตัวบุคคลว่าผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกมิได้มีการบังคับว่าต้องยื่นบัญชีแสดงเครือญาติโดยละเอียด และถือว่าการยื่นบัญชีเครือญาติเป็นสาระสำคัญ ดังนั้น ที่ผู้ร้องยื่นบัญชีเครือญาติของตนแต่ฝ่ายเดียว โดยไม่ยื่นบัญชีเครือญาติของผู้คัดค้านทั้งสองทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นทายาทของผู้ตายนั้น เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงอื่น ๆ นำมาให้รับฟังโดยแจ้งชัดว่าผู้ร้องมีเจตนาจะปิดบังมิให้ทายาทอื่นรับมรดกซึ่งผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว กรณีจึงยังไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนมิให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องคัดค้านจึงชอบแล้ว ฎีกาผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share