คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2358/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 267,268นั้น เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 267และมาตรา 268 ซึ่งเกิดจากการกระทำผิดฐานใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอม แต่เนื่องจากมาตรา 268 มิได้ระวางอัตราโทษไว้โดยเฉพาะว่าจะให้ลงโทษแก่ผู้กระทำผิดอย่างไร คงให้นำอัตราโทษตามที่ระบุไว้ในมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ซึ่งแล้วแต่ว่าเอกสารที่ได้ใช้หรืออ้างนั้นเกิดขึ้นจากการกระทำผิดของมาตราหนึ่งมาตราใดดังที่กล่าวแล้วมาใช้ ในกรณีเช่นนี้หากจะมีการลงโทษตามมาตรา 268 ก็จะต้องนำเอาอัตราโทษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 265มาใช้เป็นโทษของมาตรา 268 เพราะโจทก์ได้กล่าวอ้างมาในฟ้องด้วยว่าจำเลยได้ใช้หรืออ้างเอกสารอันเป็นเอกสารราชการที่พวกของจำเลยได้ปลอมขึ้น เมื่อมาตรา 265 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปีและปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท คดีโจทก์ในข้อหานี้จึงไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 193 ทวิ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องพวกของจำเลยได้ทำการปลอมเอกสารใบแจ้งการย้ายที่อยู่ท.ร. 17 ตอนที่ 1 เล่มที่ 8555-ท เลขที่ 06 อันเป็นเอกสารราชการทั้งฉบับกับได้ปลอมลายมือชื่อผู้แจ้งย้ายออกและนายทะเบียนท้องถิ่นเขตห้วยขวาง ในใบแจ้งย้ายที่อยู่ ท.ร. 17 ดังกล่าว ซึ่งความจริงแล้วนายทะเบียนท้องถิ่นเขตห้วยขวางไม่ได้ออกเอกสารใบแจ้งการย้ายที่อยู่ท.ร. 17 ดังกล่าว จำเลยได้รู้อยู่แล้วว่าใบแจ้งการย้ายที่อยู่ท.ร. 17 ดังกล่าวเป็นเอกสารราชการที่พวกของจำเลยปลอมขึ้น จำเลยได้ใช้อ้างแสดงต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเขตพระโขนง เพื่อให้เจ้าหน้าที่หลงเชื่อว่าใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร. 17 เป็นเอกสารที่แท้จริงที่นายทะเบียนท้องถิ่นเขตห้วยขวางเป็นผู้จัดทำขึ้นอันเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นข้อเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเขตพระโขนงหลงเชื่อจึงได้จดข้อความการแจ้งย้ายชื่อเด็กลงในทะเบียนบ้านของจำเลยอันเป็นเอกสารราชการมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นหลักฐานของทางราชการสำนักงานเขตพระโขนงการกระทำของจำเลยดังกล่าวน่าจะเกิดความเสียหายแก่นายทะเบียนท้องถิ่นเขตห้วยขวาง เขตพระโขนง ผู้อื่นและประชาชน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267, 268
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีโจทก์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ หรือไม่พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์ที่บรรยายฟ้องมาว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่าใบแจ้งย้ายที่อยู่ ท.ร. 17 เป็นเอกสารราชการที่พวกของจำเลยปลอมขึ้นไปใช้และแสดงต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเขตพระโขนงให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงอันเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ทำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเขตพระโขนงหลงเชื่อจึงได้จดข้อความอันเป็นเท็จนั้นลงในทะเบียนบ้านของจำเลยอันเป็นเอกสารของทางราชการโดยประการที่จะเกิดความเสียหายแก่นายทะเบียนท้องถิ่นเขตพระโขนง ผู้อื่นและประชาชนขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267, 268 นั้น เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 และมาตรา 268 ซึ่งเกิดจากการกระทำผิดฐานใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอม แต่เนื่องจาก มาตรา 268 มิได้ระวางอัตราโทษไว้โดยเฉพาะว่าจะให้ลงโทษแก่ผู้กระทำผิดอย่างไร คงให้นำอัตราโทษตามที่ระบุไว้ใน มาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267ซึ่งแล้วแต่ว่าเอกสารที่ได้ใช้หรืออ้างนั้นเกิดขึ้นจากการกระทำผิดของมาตรหนึ่งมาตราใดดังที่กล่าวแล้วมาใช้ ในกรณีเช่นนี้หากจะมีการลงโทษตามมาตรา 268 ก็จะต้องนำเอาอัตราโทษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 265 มาใช้เป็นโทษของมาตรา 268 เพราะโจทก์ได้กล่าวอ้างมาในฟ้องด้วยว่า จำเลยได้ใช้หรืออ้างเอกสารอันเป็นเอกสารราชการที่พวกของจำเลยได้ปลอมขึ้น เมื่อมาตรา 265 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปีและปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาทคดีโจทก์ในข้อหานี้จึงไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ…”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share