คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2353/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาทก่อนสมรสกับจำเลยแต่ผู้ร้องชำระราคาส่วนใหญ่และจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทหลังจากผู้ร้องและจำเลยจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ต้องถือว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องได้มาระหว่างสมรสจึงเป็นสินสมรส การที่จำเลยและผู้ร้องจดทะเบียนหย่ากันโดยจำเลยยกที่ดินและบ้านพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสให้ผู้ร้องทั้ง ๆ ที่ผู้ร้องทราบถึงภาระหนี้สินของจำเลย เป็นการสมยอมกันเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ ที่ดินและบ้านพิพาทไม่ตกเป็นของผู้ร้องเพียงผู้เดียว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ยึดที่ดินและบ้านพิพาท ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า ที่ดินและบ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องขอให้ถอนการยึด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ที่ดินและบ้านพิพาทผู้ร้องซื้อมาด้วยเงินของผู้ร้องเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2521ผู้ร้องและจำเลยจดทะเบียนสมรสกันวันที่ 27 มีนาคม 2522 และจดทะเบียนหย่ากันวันที่ 4 พฤษภาคม 2527 จำเลยก็ไม่ได้คัดค้านว่าที่ดินและบ้านพิพาทไม่ได้เป็นของผู้ร้อง ขอให้เพิกถอนการยึด
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และโจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินและบ้านพิพาทเป็นสินสมรสของผู้ร้องและจำเลย เมื่อจำเลยและผู้ร้องหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยา จำเลยได้ยกที่ดินและบ้านพิพาทให้ผู้ร้องโดยไม่สุจริตเป็นการสมยอมกัน ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการยึดขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์บางส่วน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกาโดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาบางส่วน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาทจากผู้ขายในราคา 199,000 บาท เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2521มีจำเลยเป็นพยานในสัญญาด้วย ผู้ร้องชำระมัดจำและราคาให้ผู้ขายเป็นเงิน 30,000 บาท ส่วนที่เหลือจะชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์ผู้ร้องจดทะเบียนสมรสกับจำเลยเมื่อเดือนมีนาคม 2522 หลังจากนั้นอีก 1 เดือน ผู้ร้องจึงได้จดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทจากผู้ขาย แล้วนำไปจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยด้วย เชื่อได้ว่าผู้ร้องและจำเลยร่วมกันซื้อที่ดินและบ้านพิพาทเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยร่วมกัน หาใช่ผู้ร้องซื้อด้วยเงินส่วนของผู้ร้องตามลำพังไม่ ทั้งผู้ร้องชำระราคาส่วนใหญ่และจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทหลังจากจดทะเบียนสมรสกับจำเลยแล้ว ต้องถือว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นทรัพย์ที่ผู้ร้องได้มาในระหว่างสมรสกับจำเลย จึงเป็นสินสมรสของจำเลยและผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474(1) การที่ผู้ร้องและจำเลยได้จดทะเบียนหย่ากันและจำเลยยกที่ดินและบ้านพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสให้ผู้ร้องทั้ง ๆ ที่ผู้ร้องทราบถึงภาระหนี้สินของจำเลยเช่นนี้ ถือว่าเป็นการสมยอมกันเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ จึงไม่ทำให้ที่ดินและบ้านพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องแต่เพียงฝ่ายเดียว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share