แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยยักยอกเงินผู้เสียหาย แม้ภายหลังจะมอบเงินคืนแก่ผู้เสียหายแล้วก็ตาม แต่บันทึกการรับเงินไม่มีข้อความว่าผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย จึงไม่เป็นการยอมความสิทธินำคดีอาญามาฟ้องไม่ระงับ จำเลยถูกฟ้องคดีอาญาหลายคดีและต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกในคดีหนึ่งไปแล้ว จึงไม่สมควรรอการลงโทษแก่จำเลย แต่การที่จำเลยได้ใช้เงินที่ยักยอกคืนแก่ผู้เสียหายแล้ว เป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งความผิด สมควรลงโทษจำเลยสถานเบา.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงินจำนวน 7,100 บาท ไปจากบริษัทประกันชีวิตศรีอยุธยา จำกัด ผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353 ให้จำเลยใช้เงิน 7,100 บาทแก่ผู้เสียหายและให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีหมายเลขดำที่897/2527, 1367/2527 และ 1368/2527 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นจำเลยคนเดียวกันจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 897/2527, 1367/2527 และ 1368/2527 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 จำคุก 6 เดือน ให้จำเลยใช้เงิน 7,100 บาท แก่ผู้เสียหายนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1923/2527 ของศาลชั้นต้น คำขอนอกนั้นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาของจำเลยว่ามีการยอมความทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับ หรือไม่… และหากฟังว่าจำเลยกระทำผิดสมควรลงโทษจำเลยสถานเบาหรือรอการลงโทษจำเลยหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาข้อแรกนั้น ถึงแม้จะปรากฏข้อเท็จจริงว่าหลังจากเกิดเหตุแล้ว ในต้นปี พ.ศ.2527 จำเลยได้ส่งมอบเงิน 7,100 บาท เต็มตามจำนวนเงินในเช็คที่จำเลยรับไปให้แก่ผู้เสียหายโดยได้มอบให้แก่ นายนิยม แก้วชัด ผู้จัดการสาขาคนใหม่ของผู้เสียหายและนายนิยมได้ทำบันทึกการรับเงินตามเอกสารหมาย ล.1 ก็ตาม แต่ไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงกันว่า ผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยอย่างใด และในเอกสารหมาย ล.1 ก็ปรากฏข้อความเพียงว่าได้รับเงินไว้เรียบร้อยแล้วเท่านั้น ฟังไม่ได้ว่ามีการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย อันจะทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
สำหรับปัญหาข้อสุดท้ายที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบา หรือรอการลงโทษนั้น ปรากฏว่าจำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกในคดีหมายเลขแดงที่ 1923/2527 ของศาลชั้นต้น และถูกฟ้องคดีอาญาอีกหลายคดี จึงไม่สมควรรอการลงโทษแก่จำเลยแต่ปรากฏว่า จำเลยได้ใช้เงินที่ยักยอกไปให้แก่ผู้เสียหายแล้ว เป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดสมควรลงโทษจำเลยสถานเบา และจำเลยไม่ต้องใช้เงิน 7,100 บาทแก่ผู้เสียหายดังที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามา
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน และยกคำขอที่ให้ใช้เงินแก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”.