แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยนำเช็คซึ่งบริษัท พ. สั่งจ่ายให้จำเลยมาสลักหลังแล้วแลกเงินสดไปจากโจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำไปเรียกเก็บเงินไม่ได้เนื่องจากธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ให้จำเลยเอาเงินมาคืนและมอบเช็คให้จำเลยไปติดต่อกับบริษัท พ. เอง เพราะโจทก์ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับบริษัทดังกล่าว แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะเรียกร้องเอาเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่าย แต่เลือกที่จะเรียกร้องเอาเงินตามเช็คจากจำเลยซึ่งเป็นผู้สลักหลัง ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะเลือกกระทำได้ จำเลยจึงเป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย และมีสิทธิที่จะนำไปเรียกเก็บเงินเอาจากผู้สั่งจ่ายได้ แต่จำเลยยังคงต้องรับผิดชดใช้เงินตามสัญญาแลกเช็คกับเงินสดที่ทำไว้ต่อโจทก์ เมื่อจำเลยนำเช็คไปเรียกเก็บเงินได้แล้ว จำเลยไม่มีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินจำนวนที่รับมาดังกล่าวไปมอบให้แก่โจทก์ แม้ฟังว่าจำเลยนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้เสียเองไม่นำไปมอบให้แก่โจทก์ การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 ให้จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ตามที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันว่าจำเลยนำเช็คของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาซอยอารี ซึ่งบริษัทพงษ์ศิริเฮาส์ จำกัด สั่งจ่ายให้จำเลยมาสลักหลังแล้วแลกเงินสดไปจากโจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำไปเรียกเก็บเงินไม่ได้เนื่องจากธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ได้มอบเช็คฉบับดังกล่าวให้จำเลยไปทวงถามบริษัทพงษ์ศิริเฮาส์ จำกัด และจำเลยได้มอบอำนาจให้นายวิเชียร หวังธาตวากร ไปรับเช็คฉบับใหม่จากบริษัทพงษ์ศิริเฮาส์ จำกัด แทนจำเลย นายวิเชียรได้รับเช็คฉบับใหม่ซึ่งบริษัทพงษ์ศิริเฮาส์ จำกัดออกให้แทนฉบับเดิมแล้ว จำเลยยังไม่ได้นำเช็คฉบับใหม่ไปให้โจทก์ และยังไม่ได้ชำระเงินจำนวน 164,772 บาท ซึ่งจำเลยเป็นหนี้ค่านำเช็คไปแลกเงินสดจากโจทก์ให้แก่โจทก์ มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า จำเลยมีความผิดฐานยักยอกตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ โจทก์เบิกความตอบทนายโจทก์ว่าเมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์จึงไปทวงถามจำเลย บอกจำเลยว่าให้เอาเงินสดมาคืนและเอาเช็คไป และเบิกความอีกตอนหนึ่งว่า โจทก์ไม่ไปติดต่อเองเพราะลาออกมาแล้วไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะเรียกร้องเอาเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่ายคือบริษัทพงษ์ศิริเฮาส์ จำกัด เนื่องจากไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวที่บริษัทดังกล่าวอีกเพราะลาออกมาแล้ว แต่โจทก์เลือกที่จะเรียกร้องเอาเงินจำนวนตามเช็คจากจำเลย ซึ่งเป็นผู้สลักหลังซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะเลือกกระทำได้ การที่โจทก์มอบเช็คฉบับเดิมให้แก่จำเลยก็เพื่อจะให้จำเลยเอาเงินสดมาชำระแก่โจทก์ในฐานะเป็นผู้สลักหลังและเพื่อให้จำเลยนำเช็คไปเรียกเก็บเงินเอาจากบริษัทพงษ์ศิริเฮาส์ จำกัด เอง ส่วนการที่โจทก์ได้ให้จำเลยลงชื่อรับเช็คต้นฉบับไว้ในใบคืนเช็ค เอกสารหมาย จ.3 นั้น ข้อความในเอกสารหมาย จ.3 ก็มีเพียงว่า “ได้รับเช็คต้นฉบับเพื่อนำไปติดต่อขอรับเงินจาก บ.พงศ์ ฯ” เท่านั้น เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงหลักฐานว่าโจทก์ได้คืนเช็คให้จำเลยเพื่อไปรับเงินจากบริษัทพงษ์ศิริเฮาส์ จำกัดเท่านั้น มิใช่เป็นหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยเป็นตัวแทนไปรับเงินแทนโจทก์ตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องแต่อย่างใด จำเลยจึงเป็นผู้ทรงเช็คฉบับดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย และมีสิทธิที่จะนำไปเรียกเก็บเงินเอาจากผู้สั่งจ่ายได้ แต่จำเลยยังคงต้องรับผิดชดใช้เงินตามสัญญาแลกเช็คกับเงินสดที่ทำไว้ต่อโจทก์เมื่อจำเลยนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากบริษัทพงษ์ศิริเฮาส์ จำกัด ได้แล้ว จำเลยก็ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินจำนวนที่รับมาดังกล่าวไปมอบให้แก่โจทก์ จำเลยอาจนำเงินจำนวนอื่นไปชำระหนี้ให้โจทก์ได้ดังนั้นแม้จะฟังว่า จำเลยนำเช็คที่บริษัทพงษ์ศิริเฮาส์ จำกัด ออกให้แทนเช็คฉบับเดิมไปเรียกเก็บเงินแล้วนำเงินไปใช้เสียเองไม่นำไปมอบให้แก่โจทก์ การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
พิพากษายืน.