คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2341/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ต่อเติมแนวกันสาดจากอาคารมากเกินความจำเป็นและไม่ได้วางแผงขายสินค้าบนถนน ฎีกาของจำเลยที่ว่ากระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิด เพราะโจทก์ยินยอมแล้วเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขัดแย้งแตกต่างไปจากคำให้การ จึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
จำเลยต่อเติมแนวกันสาดและนำสินค้ามาวางขายบนถนนเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารศูนย์การค้าย่อมมีสิทธิจะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไปได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1337 แม้เจ้าของร้านค้ารายอื่นจะกระทำการรบกวนสิทธิของโจทก์ด้วย แต่เมื่อโจทก์ประสงค์จะยังความเสียหายหรือเดือดร้อนซึ่งเกิดจากการกระทำของจำเลยให้สิ้นไป การที่โจทก์ฟ้องร้องบังคับเอาแก่จำเลยจึงหาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2538 โจทก์จดทะเบียนเช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 1679 จากนางสงัดกับพวก มีกำหนดเวลา 30 ปี เพื่อก่อสร้างศูนย์การค้าพระยาอุดรประกอบการค้าเกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ทั้งค้าปลีกและค้าส่ง ผู้ให้เช่ายินยอมให้โจทก์ใช้ถนนส่วนบุคคลเป็นถนนทางร่วมกับศูนย์การค้าพระยาอุดร และให้อำนาจจัดการดูแลถนนส่วนบุคคลแทนผู้ให้เช่าได้ โจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการทำถนนบริเวณศูนย์การค้าทั้งหมดจำเลยเป็นเจ้าของอาคารเลขที่ 309/5 ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 47480 ของจำเลยซึ่งใช้ประกอบการค้าขายเสื้อผ้าชื่อว่า “มะเหมี่ยว” ตัวอาคารติดกับถนนทางร่วมส่วนบุคคลเข้า-ออกถนนโพศรีของศูนย์การค้า จำเลยได้ต่อเติมแนวกันสาดยื่นออกจากอาคารมากเกินความจำเป็นจนรุกล้ำเข้ามาในถนนทางร่วมและได้วางแผงสินค้าบนถนนทางร่วมด้วยเจตนาใช้ถนนเป็นพื้นที่การค้าขายของตนอย่างถาวรด้วยเจตนาเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว ซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิกระทำเช่นนั้นได้ การกระทำของจำเลยถือว่ากระทำละเมิดและเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ กล่าวคือ มิได้ใช้ทางร่วมอย่างทางสัญจรเข้า-ออกตามปกติรถยนต์อาจเข้า-ออกได้ ทำให้ไม่ได้รับความสะดวกในการใช้ทางร่วมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์และส่วนรวม โจทก์เคยขอความร่วมมือและมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเกินความจำเป็น เลิกและงดเว้นวางแผงบนถนนแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนแนวกันสาดที่รุกล้ำบนทางร่วมและห้ามจำเลยวางแผงสินค้าบนทางร่วม
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้จดทะเบียนเช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 1679 ตามกฎหมาย ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิให้เช่า สัญญาเช่าที่โจทก์ทำขึ้นเป็นการแสดงเจตนาลวงตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดินที่เช่าจึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่ได้รับมอบอำนาจให้จัดการดูแลถนนส่วนบุคคลแทนผู้ให้เช่า หากมีการยินยอมให้ดูแลก็เป็นการกระทำที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะผู้ยินยอมไม่มีอำนาจให้ความยินยอมจำเลยไม่ได้ต่อเติมแนวกันสาดจากอาคารมากเกินความจำเป็นและไม่ได้วางแผงขายสินค้าบนถนนทางร่วม โจทก์อนุญาตให้เจ้าของอาคารร้านค้ารายอื่นวางแผงขายสินค้ายื่นออกมานอกอาคารและต่อเติมแนวกันสาดรอบตัวอาคารได้ทุกอาคารรอบตลาดในศูนย์การค้าเดียวกัน แต่โจทก์เจาะจงฟ้องบังคับจำเลยให้รื้อถอนกันสาดและห้ามวางแผงขายสินค้ารอบตัวอาคารเพียงร้านเดียว มีเจตนาจะทำให้จำเลยเสียหายต้องเสียเปรียบทางการค้า เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาคดีใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้จำเลยรื้อถอนแนวกันสาดที่รุกล้ำถนนทางร่วม ห้ามจำเลยวางแผงสินค้าบนถนนทางร่วม ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 1679 ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี จากนางสงัด กับพวก มีกำหนด 30 ปี เพื่อสร้างศูนย์การค้าพระยาอุดรตามสำเนาหนังสือสัญญาเช่าที่ดิน สัญญาเช่าที่ดินเพื่อทำประโยชน์และโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.5 ผู้ให้เช่ายินยอมให้โจทก์ใช้ถนนส่วนบุคคลเป็นถนนทางร่วมกับศูนย์การค้าพระยาอุดร และให้โจทก์มีอำนาจจัดการดูแลถนนส่วนบุคคลแทนผู้ให้เช่าตลอดระยะเวลาการเช่า ตามสำเนาสัญญาถนนทางร่วมเอกสารหมาย จ.6 จำเลยเป็นเจ้าของอาคารเลขที่ 309/5 ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 47480 ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ของจำเลยซึ่งใช้ประกอบการค้าขายเสื้อผ้าโดยตัวอาคารสถานประกอบการค้าของจำเลยอยู่ติดถนนทางร่วมส่วนบุคคลดังกล่าวซึ่งเป็นทางเข้า-ออกถนนโพศรี จำเลยได้ต่อเติมแนวกันสาดรุกล้ำเข้ามาในถนนทางร่วมและวางแผงสินค้าบนถนนทางร่วม โจทก์จึงนำคดีมาฟ้อง
ที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดเพราะโจทก์ยินยอมแล้วนั้น เห็นว่า จำเลยให้การต่อสู้ในประเด็นนี้ว่า จำเลยไม่ได้ต่อเติมแนวกันสาดจากอาคารมากเกินความจำเป็นและไม่ได้วางแผงขายสินค้าบนถนนทางร่วม จำเลยฎีกากล่าวอ้างข้อเท็จจริงขัดแย้งแตกต่างไปจากคำให้การ จึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 โดยจำเลยไม่ได้ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นว่า จำเลยต่อเติมแนวกันสาดและนำสินค้ามาวางขายบนถนนทางร่วมเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ และการกระทำของจำเลยร้ายแรงกว่าเจ้าของร้านค้ารายอื่น ดังนี้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารศูนย์การค้าพระยาอุดรย่อมมีสิทธิจะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไปได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 แม้เจ้าของร้านค้ารายอื่นจะกระทำการรบกวนสิทธิของโจทก์ด้วย แต่เมื่อโจทก์ประสงค์จะยังความเสียหายหรือเดือดร้อนซึ่งเกิดจากการกระทำของจำเลยให้สิ้นไป การที่โจทก์ฟ้องร้องบังคับเอาแก่จำเลยจึงหาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share