คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อเครื่องอะไหล่รถยนต์จากโจทก์ แล้วนำสืบว่าสามีจำเลยและจำเลยเป็นผู้สั่งให้พยานโจทก์ไปเอาเครื่องอะไหล่รถยนต์จากร้านโจทก์มาซ่อมรถยนต์ซึ่งเป็นของจำเลยและสามี ซึ่งเท่ากับจำเลยเป็นผู้ซื้อเครื่องอะไหล่รถยนต์จากโจทก์ โจทก์จึงนำสืบได้ไม่เป็นการขัดกับคำฟ้อง และไม่เป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุม

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระค่าเครื่องอะไหล่รถยนต์เป็นเงิน 61,064 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามที่จำเลยฎีกาพอสรุปความว่าคำฟ้องของโจทก์ระบุชัดเจนว่าจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อเครื่องอะไหล่รถยนต์จากโจทก์ โจทก์จะนำสืบว่าสามีจำเลยและลูกจ้างของจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อหาได้ไม่และเป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุม ซึ่งศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อเครื่องอะไหล่รถยนต์จากโจทก์ แล้วโจทก์นำสืบโดยมีนายเฉลียวจิตศิริลูกจ้างจำเลย นายมนตรีหรือแดง นาคมงคลช่างประจำอู่ชลอการช่างและนายชุบ สุดใจ เจ้าของอู่ซ่อมรถชื่ออู่ช่างชุบเบิกความเป็นพยานว่า รถยนต์ของจำเลยและสามีจำเลยใช้ชื่อข้างรถว่าโชควิเชียร การซ่อมรถยนต์โชควิเชียรนั้นสามีจำเลยและจำเลยเป็นผู้สั่งให้พยานเหล่านั้นไปเอาเครื่องอะไหล่รถยนต์จากร้านของโจทก์มาซ่อมรถยนต์ โชควิเชียร ซึ่งฟังได้ว่าพยานโจทก์เหล่านี้ไปเอาเครื่องอะไหล่รถยนต์จากร้านของโจทก์ซ่อมแซมรถยนต์จำเลย ตามคำสั่งของจำเลยและสามีจำเลยซึ่งเท่ากับจำเลยเป็นผู้ซื้อเครื่องอะไหล่รถยนต์ของโจทก์ โจทก์จึงนำสืบได้ไม่เป็นการขัดกับคำฟ้องของโจทก์และไม่เป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุม

พิพากษายืน

Share