คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่สามารถส่งมอบครุภัณฑ์ตามสัญญาซื้อขายให้แก่โจทก์จึงได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญามายังโจทก์ โจทก์มีหนังสือตอบไปว่า(โจทก์เท่านั้นที่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา)หากโจทก์จะบอกเลิกสัญญาโจทก์ขอสงวนสิทธิที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขแห่งสัญญาจำเลยมีหนังสือตอบโจทก์ว่ายินดีให้โจทก์ดำเนินการตามเงื่อนไขแห่งสัญญาโจทก์จึงได้มีหนังสือตามเอกสารหมาย จ.36 มายังจำเลยว่าโจทก์จะดำเนินการตามเงื่อนไขแห่งสัญญาต่อไป หนังสือตามเอกสารหมาย จ.36 มิใช่หนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลย ต่อมาเมื่อโจทก์เรียกประกวดราคาใหม่แล้วจึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลย ดังนี้ต้องถือเอาวันบอกเลิกสัญญาตามที่ปรากฏในหนังสือบอกเลิกสัญญาฉบับหลัง
โจทก์อ้างสำเนาภาพถ่ายเอกสารซึ่งต้นฉบับอยู่ในความครอบครองของทางราชการ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับห้าของทางราชการดังกล่าวรับรองความถูกต้องแห่งสำเนาภาพถ่ายเอกสารนั้นสำเนาภาพถ่ายเอกสารนั้นรับฟังเป็นพยานหลักฐานแทนต้นฉบับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายครุภัณฑ์ยี่ห้อไวค์แฮมฟาร์แรนซ์กับโจทก์ 5 รายการ มีข้อสัญญาว่าถ้าไม่ส่งมอบสิ่งของที่ขายผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาริบหลักประกันได้ และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นภายในกำหนด3 เดือนนับแต่วันบอกเลิกสัญญา ผู้ขายต้องรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้น ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ส่งมอบครุภัณฑ์ตามสัญญา โจทก์จึงได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1 และจัดซื้อครุภัณฑ์ดังกล่าวจากผู้อื่นสูงกว่าที่ตกลงซื้อจากจำเลยที่ 1 ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงินตามราคาที่สูงขึ้นแก่โจทก์

จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการและว่าโจทก์มิได้ประกาศเรียกประกวดราคาจัดซื้อครุภัณฑ์ภายในกำหนด 3 เดือน ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์

จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งห้าฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งห้าฎีกาว่าโจทก์ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญามายังจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2521 ตามเอกสารหมาย จ.36 จึงถือว่าสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เลิกแล้วต่อกันในวันนั้น ศาลฎีกาได้ตรวจพิจารณาข้อความในเอกสารหมาย จ.36 โดยตลอดแล้วเห็นว่า เป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถส่งมอบครุภัณฑ์ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.22 ถึง จ.26 ให้แก่โจทก์ได้ จำเลยที่ 1 จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญามายังโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.29 ถึง จ.33 โจทก์มีหนังสือตอบมาถึงจำเลยที่ 1 ว่าการบอกเลิกสัญญาเป็นสิทธิของผู้ซื้อฝ่ายเดียว หากโจทก์จะบอกเลิกสัญญาดังกล่าว โจทก์ขอสงวนสิทธิที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขแห่งสัญญาข้อ 8 ฯลฯตามเอกสารหมาย จ.34 เมื่อจำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือดังกล่าวของโจทก์แล้ว จึงได้มีหนังสือตอบมายังโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 ยินดีจะให้โจทก์ดำเนินการตามเงื่อนไขแห่งสัญญาข้อ 8 และให้โจทก์แจ้งผลการพิจารณาให้จำเลยที่ 1 ทราบด้วย ตามเอกสารหมาย จ.35 โจทก์จึงได้มีหนังสือเอกสารหมาย จ.36 มายังจำเลยที่ 1 แจ้งให้ทราบว่าโจทก์จะดำเนินการตามเงื่อนไขแห่งสัญญาต่อไป ซึ่งหมายความว่าโจทก์จะได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1 ต่อไป เพื่อจะใช้สิทธิตามเงื่อนไขในสัญญาข้อ 8 กล่าวคือริบหลักประกัน หรือเรียกร้องจากธนาคารตามหนังสือรับรองข้อ 7 แล้วแต่โจทก์จะเห็นสมควร และถ้าโจทก์จัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันบอกเลิกสัญญา จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นดังนี้เห็นว่าหนังสือตามเอกสารหมาย จ.36 ที่โจทก์มีไปยังจำเลยที่ 1 นั้น มิใช่หนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1 แต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1 แล้วตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2521 ดังที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้าง นอกจากนี้ยังปรากฏจากบันทึกข้อความของส่วนราชการของโจทก์ ที่ ค707/21 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2521 ตามเอกสารหมาย จ.37 มีใจความว่า “ฯลฯ เนื่องจากห้างฯ (จำเลยที่ 1) ไม่อาจปฏิบัติตามสัญญา และใคร่ขอยกเลิกสัญญาซื้อขายทั้งห้ารายการจึงเห็นสมควรให้ดำเนินการประกวดราคาจัดซื้อ เพื่อหาผู้ขายรายต่อไปเสียก่อนที่จะบอกเลิกสัญญา ทั้งนี้เพื่อจะได้ดำเนินการตามเงื่อนไขข้อ 8 แห่งสัญญากับห้างฯ (จำเลยที่ 1) ต่อไป ฯลฯ” จากบันทึกข้อความดังกล่าวนี้แสดงว่าในวันที่ 21 ธันวาคม 2521 โจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1 แต่อย่างใด โจทก์เพิ่งมีหนังสือบอกเลิกสัญญาซื้อขายครุภัณฑ์เอกสารหมาย จ.23 ถึง จ.26 แก่จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2522 ปรากฏตามหนังสือบอกเลิกสัญญาเอกสารหมาย จ.57 จ.67 จ.75 จ.81 และมีหนังสือบอกเลิกสัญญาซื้อขายครุภัณฑ์เอกสารหมาย จ.22 แก่จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2522 ปรากฏตามหนังสือบอกเลิกสัญญาเอกสารหมาย จ.48 แล้วโจทก์มาทำสัญญาซื้อขายครุภัณฑ์ตามฟ้องทั้งห้ารายการกับบริษัทรีเสิร์ชอิควิปเม้นต์ จำกัด เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2522 ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.50 จ.89 ถึง จ.92 ยังไม่พ้นกำหนด 3 เดือนนับแต่วันที่ 1 มีนาคม 2522 และวันที่ 30 มีนาคม 2522 อันเป็นวันบอกเลิกสัญญา ฉะนั้นจำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดชดใช้ราคาครุภัณฑ์ส่วนที่เพิ่มขึ้นจากที่ทำสัญญาไว้กับโจทก์ ตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาข้อ 8 จำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ผู้เป็นหุ้นส่วน จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วยตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1025

ส่วนปัญหาข้อสุดท้ายที่ว่า การที่โจทก์ส่งแต่สำเนาเอกสารเป็นพยานจะรับฟังได้หรือไม่นั้น ปรากฏว่าเอกสารที่โจทก์อ้างส่งเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ เป็นสำเนาภาพถ่ายของเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นกรมในรัฐบาล จึงถือว่าเป็นสำเนาเอกสารที่ต้นฉบับเอกสารอยู่ในความอารักขาหรือในความควบคุมของทางราชการและนายภิญญู ดำพิทักษ์ พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับห้าของวิทยาลัยแห่งนี้ได้รับรองความถูกต้องของสำเนาเอกสารเหล่านี้แล้ว ดังนั้น สำเนาภาพถ่ายเอกสารที่โจทก์อ้างส่งศาลดังกล่าวจึงถือว่าเป็นอันเพียงพอในการที่จะนำมาแสดงต่อศาลได้ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(3) ศาลย่อมรับฟังสำเนาภาพถ่ายแทนต้นฉบับเอกสารได้

พิพากษายืน

Share