คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญากฎหมายหาได้จำกัดว่าจำเลยมีสิทธิขอแก้คำให้การได้เพียงครั้งเดียวไม่ ตราบใดที่ศาลยังมิได้พิพากษาแม้จะนัดฟังคำพิพากษาไว้แล้ว ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้คำให้การเมื่อมีเหตุอันควรในคดีความผิดอันยอมความได้ ศาลเห็นว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ตามกฎหมาย ย่อมมีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การโดยการถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา

จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาจำเลยให้การรับสารภาพ และขอให้ศาลเลื่อนการพิพากษาคดีไปเพื่อให้โอกาสจำเลยหาเงินมาผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์ตามเช็คที่ฟ้อง โจทก์เห็นชอบด้วยและแถลงว่าหากจำเลยชำระหนี้ โจทก์ก็จะถอนฟ้องศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนการพิพากษาคดีไปตามจำเลยขอโดยนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 30 พฤศจิกายน 2522 ก่อนวันนัดฟังคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่ให้การรับสารภาพ โดยอ้างเหตุว่าจำเลยให้การรับสารภาพเพราะโจทก์หลอกลวงให้หลงเชื่อ และวันนั้นทนายจำเลยไม่ได้มาว่าความ จำเลยขอให้การใหม่ปฏิเสธว่า จำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้องและจำเลยมิได้ลงวันที่ในเช็คที่โจทก์นำมาฟ้อง การแจ้งความร้องทุกข์ของโจทก์ไม่ถือว่าเป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมาย คดีของโจทก์ขาดอายุความ

โจทก์คัดค้านว่า จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลนัดฟังคำพิพากษาเท่ากับคดีเสร็จสิ้นแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิถอนคำให้การและให้การใหม่

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การได้ตามคำร้อง

โจทก์ขอสืบพยานต่อเมื่อยื่นคำร้องคัดค้านว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การรับสารภาพเดิมและนัดสืบพยานใหม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาย้อนหลังและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้พิพากษาตามคำให้การเดิมของจำเลย

วันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์แถลงว่าแม้ เสร็จการพิจารณาแล้ว ไม่ต้องสืบพยานตามที่โจทก์ยื่นคำร้องไว้แล้ว จำเลยขอสืบพยาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องฟังพยานโจทก์จำเลยต่อไป มีคำสั่งให้งดสืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163เมื่อมีเหตุอันควรจำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยได้ก่อนศาลพิพากษา เมื่อศาลเห็นสมควรอนุญาต ก็ให้ส่งสำเนาแก่โจทก์ กฎหมายหาได้จำกัดว่าจำเลยมีสิทธิขอแก้คำให้การได้เพียงครั้งเดียวไม่ การขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่ก็คือการขอแก้คำให้การเดิมนั่นเอง ดังนั้น ตราบใดที่ศาลยังมิได้พิพากษาแม้จะได้นัดฟังคำพิพากษาไว้แล้ว ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้คำให้การเมื่อมีเหตุอันควร คดีนี้เป็นกรณีความผิดอันยอมความได้ ซึ่งผู้เสียหายจะต้องร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดมิฉะนั้น คดีเป็นอันขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ตามกฎหมาย ย่อมมีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การโดยถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่ คำสั่งศาลชั้นต้นชอบด้วยกระบวนพิจารณาและกฎหมายแล้ว

พิพากษายืน

Share