คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องภูมิลำเนาจำเลยไม่ถูกต้อง ความจริงจำเลยอยู่แขวงบางจากแต่บรรยายว่าแขวงบางนาและโจทก์มิได้นำเจ้าพนักงานไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องยังภูมิลำเนาของจำเลยโดยที่โจทก์รู้จักบ้านหรือภูมิลำเนาของจำเลยดีอยู่แล้ว แต่กลับแถลงขอให้ศาลประกาศทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยแทนการส่งโดยวิธีธรรมดาการดำเนินกระบวนพิจารณาของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 และถือไม่ได้ว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ได้ชี้ขาดคดีไปฝ่ายเดียวให้โจทก์ชนะคดีไปตามฟ้อง จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยเป็นไปโดยไม่ชอบ ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาและคำบังคับดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ต่อไป

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จากการไต่สวนพยานจำเลยปรากฏว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 40/2 ซอยปุณณวิถี 7 แขวงบางจาก เขตพระโขนงกรุงเทพมหานคร ตามสำเนาเอกสารทะเบียนบ้านหมาย ล.3 และ ล.4 และปรากฏจากคำฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์เป็นผู้นำแท่นเหล็กส่วนล่างของเครื่องอัดยางไปให้จำเลยประกอบทำเป็นเครื่องอัดยาง และต่อมา โจทก์ไปตรวจดูการประกอบเครื่องอัดยางที่อู่ซ่อม (คือภูมิลำเนาของจำเลย) จึงทราบว่าจำเลยมิได้นำเงินตามเช็คที่รับจากโจทก์ไปจัดซื้อสัมภาระเครื่องเหล็กมาทำเครื่องอัดยางตามที่ตกลงกันไว้ รูปคดีจึงเชื่อได้ว่าโจทก์รู้จักบ้านหรือภูมิลำเนาจำเลยดีอยู่แล้ว และการที่พนักงานเดินหมายไปส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยไม่ได้ตามรายงานการเดินหมายของกรมบังคับคดี ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2522 นั้น เป็นเพราะโจทก์มิได้นำเจ้าพนักงานไปส่งยังภูมิลำเนาของจำเลยทั้ง ๆ โจทก์รู้จักดีอยู่แล้วดังกล่าวข้างต้น แต่โจทก์กลับไปแถลงขอให้ศาลประกาศทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยโดยวิธีธรรมดาอันเป็นการแสดงให้เห็นว่า โจทก์มีเจตนาดำเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยโดยไม่สุจริต และในที่สุดศาลชั้นต้นก็สั่งให้ลงประกาศ แจ้งคำฟ้อง กำหนดวันให้จำเลยยื่นคำให้การแก้คดีและแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบทางหนังสือพิมพ์ตามที่โจทก์ขอเพราะหลงเชื่อตามที่โจทก์แถลงว่าพนักงานเดินหมายไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยได้ โดยหาบ้านจำเลยไม่พบถือได้ว่าการดำเนินกระบวนพิจารณาของโจทก์ที่ขอให้ศาลชั้นต้นสั่งประกาศทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องและหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบโดยวิธีธรรมดา ทั้ง ๆ ที่การส่งโดยวิธีธรรมดายังทำได้อยู่ไม่ใช่ไม่สามารถทำได้ การดำเนินกระบวนพิจารณาของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 และจะถือว่า จำเลยได้ทราบคำฟ้องกำหนดวันให้จำเลยยื่นคำให้การแก้คดีและวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วโดยผลของกฎหมายไม่ได้ เมื่อถือไม่ได้ว่าจำเลยทราบคำฟ้อง กำหนดวันให้จำเลยยื่นคำให้การแก้คดีและวันนัดสืบพยานโจทก์ ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่โดยเริ่มตั้งแต่รับคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยแล้วดำเนินการพิจารณาต่อไปนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษายืน

Share