แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยให้การไว้ในชั้นสอบสวนตามบันทึกคำให้การว่าจำเลยมีกัญชาของกลางไว้เพื่อใส่ในก๋วยเตี๋ยวที่จำเลยขายก็มีความหมายว่าจำเลยให้การรับสารภาพว่าจำเลยมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพราะการขายก๋วยเตี๋ยวที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมก็เท่ากับได้จำหน่ายกัญชานั้นให้ผู้ที่ซื้อก๋วยเตี๋ยวจากจำเลยด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีกัญชา จำนวน 11 ถุง น้ำหนักรวม23 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7,8, 26, 76 วรรคสอง, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33และริบของกลาง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง แต่ ให้ริบ ของกลาง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่งประกอบมาตรา 76 วรรคสอง จำคุก 2 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก1 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังฟ้องและสมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยหรือไม่โจทก์มีร้อยตำรวจโทเอกชัยและพลตำรวจสุริยาเป็นประจักษ์พยานเบิกความว่าได้ความสอดคล้องต้องกันว่า วันเวลาเกิดเหตุประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวกับพวกได้ร่วมกันไปตรวจค้นบ้านเกิดเหตุซึ่งมีจำเลยพักอาศัยอยู่ด้วย ผลการตรวจค้นพบกัญชาบรรจุในถุงพลาสติกเล็ก 11 ถุง น้ำหนัก 23 กรัม จากในตู้้เสื้อผ้าที่ชั้นสองของบ้านเกิดเหตุได้ยึดกัญชาดังกล่าวเป็นของกลางและจับกุมจำเลยแจ้งข้อหาว่ามีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยให้การรับสารภาพว่ากัญชาของกลางเป็นของจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อนำไปขายในราคาถุงละ 20 บาท รายละเอียดปรากฏตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.2 และโจทก์มีร้อยตำรวจโทปกรวรรธน์ พนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความยืนยันด้วยว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยได้ให้การสารภาพว่ามีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อใส่ในก๋วยเตี๋ยวที่จำเลยขาย มิใช่เพื่อจำหน่ายดังรายละเอียดปรากฏตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.6 ซึ่งเห็นว่าการที่จำเลยได้ให้การไว้ตามบันทึกคำให้การดังกล่าวว่าจำเลยมีกัญชาของกลางไว้เพื่อใส่ในก๋วยเตี๋ยวที่จำเลยขาย ก็มีความหมายว่าจำเลยให้การรับสารภาพว่าจำเลยมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั่นเอง เพราะการขายก๋วยเตี๋ยวที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมก็เท่ากับได้จำหน่ายกัญชานั้นให้ผู้ที่ซื้อก๋วยเตี๋ยวจากจำเลยด้วยพยานหลักฐานของโจทก์ได้ความดังนี้ โดยไม่ปรากฏว่าพยานของโจทก์ดังวินิจฉัยแล้วข้างต้น มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยอันจะทำให้น่าสงสัยว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลย จึงเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักเชื่อได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจริงดังฟ้อง แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษให้นั้นเห็นว่า จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และกัญชาของกลางมีจำนวนเพียงเล็กน้อย สมควรรอการลงโทษจำคุกเพื่อให้จำเลยได้กลับประพฤติตนเป็นคนดีต่อไป แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำ จึงให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งเป็นเงิน21,000 บาท ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78หนึ่งในสาม คงให้ปรับ 14,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2