คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 232/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๐ เวลากลางคืน จำเลยกับพวกสมคบกันเปนผู้ร้ายปล้นบ้านนายซือเซก (ชาติจีน) เก็บเอาทรัพย์ไปตามบาญชีท้ายฟ้อง ๑๕๒ บาท เหตุเกิดที่ตำบลบ้านปรก จังหวัดสมุทสงคราม แลว่านายแหยมจำเลยเคยต้องโทษมาแล้วขอให้ลงโทษแลเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๐๑ แล ๗๒ ฯ
จำเลยทั้ง ๔ คนให้การปฏิเสธข้อหา ต่อสู้ว่ามีฐานที่อยู่ ฯ
ศาลจังหวัดสมุทสงครามพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเปนผู้ร้ายปล้นทรัพย์นายซือเซกเก็บเอาทรัพย์ไป ๑๕๒ บาท ผิดกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๐๑ จึงทำความเห็นเสนออธิบดีมณฑลว่าควรจำคุกจำเลยคนละ ๑๐ ปี แลให้เพิ่มโทษนายแหยมตามมาตรา ๗๒ อีก ๑ ใน ๓ รวมเปนโทษจำคุกนายแหยม ๑๓ ปี ๔ เดือน ฯ
อธิบดีมณฑลมีความเห็นแย้งว่าคำนายซือเซาเจ้าทรัพย์กับนายป้วย นายกัง นายนุ้ยพวกเจ้าทรัพย์ ๔ คนนี้ ที่เบิกความว่าจำจำเลยได้นั้นฟังไม่สนิธ เพราะให้การในชั้นไต่สวนว่าได้เห็นจำเลยไม่ได้โพกสีสะเลยทั้ง ๔ คน ครั้นมารให้การในชั้นศาลว่าจำเลยโพกสีสะหมดทุกคน เจ้าทรัพย์กับนายแหยม นายผินจำเลยก็เปนคนคุ้นเคยรู้จักกัน แต่หาได้บอกกับเจ้าพนักงานว่าจำผู้ร้ายได้ไม่ต่อมาจากวันถูกปล้นแล้วอีก ๖ วันเจ้าทรัพย์ได้ทำคำตราสินก็มิได้ระบุชื่อจำเลยที่รู้จักว่าเปนผู้ร้าย เปนแต่กล่าวไว้ในคำตราสินว่าจำคนร้ายได้ ๓ คน จึงเปนเหตุให้สงสัย ควรยกฟ้องโจทย์ปล่อยตัวจำเลยไป แต่เปนความเห็นข้างน้อย ให้ถือเอาความเห็นของศาลจังหวัดเปนคำชี้ขาดคดี ฯ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษพิจารณาเห็นว่าคำพยานโจทย์ฟังไม่สนิธต้องด้วยความเห็นแย้งอธิบดีมณฑล และยังมีความเห็นต่อไปอีกว่า ตามคำพลตำรวจเฟื่องได้ถามพวกเจ้าทรัพย์ในคืนวันนั้นว่าจำผู้ร้ายได้ฤาไม่ นายป้วยพยานตอบว่าจำคนร้ายไม่ได้ ส่วนนายแปลกจำเลย นายเฟื่องจับเอาตัวมา เพราะพูดปดนายเฟื่องว่า นายเลี่ยมไปตรวจการกับนายเปลื้องผู้ใหญ่บ้านแต่ความจริงนายเลี่ยมหาได้ไปด้วยนายเปลื้องไม่ ส่วนนายเลี่ยมจำเลยนายเฟื่องจับเอาตัวมาโดยสงสัน ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษเห็นว่าพยานโจทย์จำผู้ร้ายไม่ได้ จึงพิพากษาให้กลับคำตัดสินศาลเดิม และให้ยกฟ้องโจทย์ปล่อยจำเลยไป ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่อนนี้แล้ว เห็นว่าศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษตัดสินยกฟ้องโจทย์ โดยให้ประโยชน์ในทางสงสัยแก่จำเลยว่าพยานโจทย์จะจำจำเลยไม่ได้นั้น ต้องด้วยทางพิจารณาแล้ว ฎีกาโจทย์ไม่มีเหตุอันควรที่จะให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษได้ให้ยกเสีย ฯ

Share