แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์อ้างว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ 110,000 บาท แต่จำเลยอ้างว่ากู้ยืมเงินโจทก์เพียง 40,000 บาท สัญญากู้ยืมเงินเป็นเอกสารปลอม โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าสัญญากู้ยืมเงินเป็นเอกสารที่แท้จริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2536 จำเลยกู้ยืมเงินจากโจทก์ 110,000บาท ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ภายในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2537 ถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระ โจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหายเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 110,000บาท นับแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2536 ถึงวันฟ้องเป็นเวลา 5 ปีเศษ แต่โจทก์ขอคิดเพียง5 ปี เป็นดอกเบี้ย 82,500 บาท รวมต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นเงิน 192,500 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 192,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน110,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์เพียง 40,000 บาท เท่านั้น สัญญากู้ยืมเงินเอกสารท้ายฟ้องโจทก์เป็นเอกสารปลอมเนื่องจากจำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวโดยยังไม่ได้กรอกข้อความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่า มีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังยุติในเบื้องต้นว่า ลายมือชื่อในช่องผู้กู้ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 เป็นลายมือชื่อของจำเลยมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า หนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 เป็นเอกสารปลอมหรือไม่ โจทก์มีตัวโจทก์ นายศรีเมือง ปรึกทอง และนายถวิล แก่นทองเบิกความเป็นพยานว่า นายศรีเมืองเป็นผู้กรอกข้อความในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 เสร็จแล้ว โจทก์และจำเลยจึงลงลายมือชื่อ นายถวิลลงลายมือชื่อเป็นพยาน นายศรีเมืองลงลายมือชื่อเป็นพยานและผู้เขียน โดยโจทก์ นายศรีเมืองและนายถวิลใช้ปากกาด้ามเดียวกัน ส่วนจำเลยใช้ปากกาอีกด้ามหนึ่ง เมื่อพิจารณาหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 แล้วเห็นว่า ในส่วนของลายมือชื่อของนายถวิลสีหมึกจะเข้มและเส้นจะเล็กกว่าส่วนที่เป็นลายมือเขียนและลายมือชื่อของโจทก์กับนายศรีเมือง ส่วนลายมือชื่อของโจทก์มีสีหมึกจะจางและเส้นจะเล็กกว่าส่วนที่เป็นลายมือเขียนและลายมือชื่อของนายศรีเมือง แสดงว่าทั้งสามคนใช้ปากกาคนละด้ามกันขัดกับคำเบิกความของพยานโจทก์ หากหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1ทำเสร็จสมบูรณ์ในคราวเดียวก็ไม่น่าจะต้องใช้ปากกาหลายด้ามเช่นนั้นสอดคล้องกับคำเบิกความของจำเลยว่า ขณะจำเลยลงลายมือชื่อนั้นหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 ยังไม่ได้กรอกข้อความ พยานหลักฐานของโจทก์จำเลยดังกล่าวฟังได้ว่าข้อความในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 นั้น โจทก์มากรอกภายหลังโจทก์อ้างว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ 110,000 บาท แต่จำเลยอ้างว่ากู้ยืมเงินโจทก์เพียง 40,000บาท หนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 เป็นเอกสารปลอม โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 เป็นเอกสารที่แท้จริง เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบรับฟังได้ว่า สัญญากู้ยืมเงินเป็นเอกสารปลอมโจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน