แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยขู่เจ้าทรัพย์ ค้นตัวเอาเงินไป 160 บาทนาฬิกาข้อมือ ยึดรถจักรยานยนต์ไว้แล้วเรียกค่าไถ่ตัว ตกลงให้ภริยาเจ้าทรัพย์ไปเอาเงินค่าไถ่จำเลยคืนเงิน 160 บาท ให้ภริยาเจ้าทรัพย์นำเงินกลับไปให้จำเลยจำเลยคืนนาฬิกาและจักรยานยนต์ให้ เสื้อกันฝนหายไปดังนี้นอกจากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา316 ยังเป็นความผิดตาม มาตรา 340 ด้วย ที่จำเลยคืนเงิน 160 บาท ให้เป็นค่ารถไปเอาเงิน กับคืนนาฬิกาและจักรยานยนต์ ไม่ใช่เรื่องไม่ประสงค์ต่อทรัพย์นั้น
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2, 3, 4, 5 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี จำคุกคนละ 18 ปี ฯลฯ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลงโทษจำเลยที่ 2,3, 4, 5 ตามมาตรา 316 จำคุกคนละ 7 ปี 6 เดือน ยกข้อหาฐานปล้นทรัพย์ โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2, ที่ 3,ที่ 4, ที่ 5 ฐานปล้นทรัพย์ด้วยนั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ครั้งแรกจำเลยที่ 3, ที่ 4, ที่ 5ถืออาวุธปืนคนละกระบอกออกจากป่าข้างทาง ขู่บังคับให้ลงจากรถไม่ให้ร้องค้นหาทรัพย์ในตัวผู้เสียหายทั้งสอง เมื่อได้ทรัพย์ไปแล้วยังไม่พอ ได้ขู่เอาเงินอีกสองหมื่นบาท ต่อรองกันเหลือห้าพ้นบาท แล้วให้ผู้เสียหายไปหาเงินมาไถ่ตัวเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์อีกกระทงหนึ่ง นอกเหนือจากความผิดฐานกรรโชกและเรียกค่าไถ่ พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ที่เข้ามาสอบถามจำเลยอื่น และร่วมควบคุมนายเช้าผู้เสียหายอยู่ ถือว่าเป็นการร่วมกระทำผิด การที่จำเลยคืนเงิน 160 บาทให้นางสุชีพ เพื่อให้เป็นค่ารถกลับไปเอาเงินที่บ้านก็ดี คือนาฬิกาข้อมือและรถจักรยานยนต์ให้ภายหลังก็ดี หาใช่เป็นเรื่องไม่ประสงค์ต่อทรัพย์ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่”
พิพากษาแก้ ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ตามคำพิพากษาชั้นต้นอีกด้วย