แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้เจ้าหน้าที่โจทก์จะได้รับแจ้งถึงการที่มีผู้ทำละเมิดต่อโจทก์ อายุความในเรื่องละเมิดยังไม่เริ่มนับจนกว่าอธิบดีกรมโจทก์ซึ่ง เป็นผู้แทนโจทก์ได้รู้ถึงการกระทำละเมิดดังกล่าวแล้ว
กรมมอบอำนาจให้ส่วนราชการอื่นแจ้งความกล่าวโทษผู้กระทำละเมิด แต่เมื่อมิได้มอบให้ติดตามเรียกร้องค่าเสียหายหรือดำเนินคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วยการที่ส่วนราชการผู้รับมอบอำนาจรู้ถึงการกระทำละเมิด ไม่ถือว่ากรมรู้ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ทำสัญญาเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์โดยประมาทชนเสาไฟฟ้าของโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้ขับรถโดยประมาทโจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกิน 1 ปี จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 2 ที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า รถที่จำเลยที่ 1 ขับชนเสาไฟฟ้าของโจทก์เสียหาย และการไฟฟ้านครหลวงได้มีหนังสือแจ้งถึงการทำละเมิดที่เกิดขึ้นตลอดจนตัวผู้ทำละเมิดและผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนไปยังโจทก์โดยละเอียด โดยเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว แต่เมื่อเรื่องราวการทำละเมิดดังกล่าวยังไม่ทราบถึงอธิบดีกรมทางหลวงซึ่งตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ ถือว่าอธิบดีเป็นผู้แทนของกรมแล้ว จะต้องถือว่าโจทก์ยังไม่ทราบถึงเรื่องการทำละเมิดดังกล่าว เมื่อโจทก์ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่อธิบดีกรมทางหลวงทราบถึงการทำละเมิดและผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
แม้กรมทางหลวงได้มอบอำนาจให้การไฟฟ้านครหลวงเป็นผู้แจ้งความกล่าวโทษผู้กระทำให้ทรัพย์สินของกรมทางหลวงเสียหาย พร้อมทั้งตีราคาค่าเสียหายได้ก็ตาม แต่เมื่อกรมทางหลวงมิได้มอบหมายให้การไฟฟ้านครหลวงติดตามเรียกค่าเสียหายหรือมอบหมายให้ดำเนินคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วยการที่การไฟฟ้านครหลวงทราบถึงการละเมิดและตัวผู้พึงจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ก็จะถือว่าการไฟฟ้านครหลวงเป็นตัวแทนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงได้ทราบถึงการละเมิดและตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วยแล้วหาได้ไม่
พิพากษายืน