คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2293/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ส. ยืมเงินจำเลยไปโดยมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับพิพาทให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ แต่ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ ดังนี้ แม้ ส. จะยังไม่ได้ชำระหนี้แก่จำเลย จำเลยก็ไม่อาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ เมื่อหนี้ที่จำเลยอาศัยเป็นมูลเหตุให้ยึดถือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับ พิพาทไม่อาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดถือหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้นไว้เป็นประกันหนี้ต่อไป.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางเสาร์ ธรรมโรเวชตามคำสั่งศาล มีหน้าที่รวบรวมทรัพย์สินมรดกของนางเสาร์เพื่อแบ่งปันให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิ จำเลยได้ครอบครองหนังสือรับรองทำประโยชน์(น.ส.3ก.) เลขที่ 451 ตำบลเขื่อน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคามของนางเสาร์ไว้ โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยส่งมอบแก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ยึดถือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามฟ้องไว้จริง ทั้งนี้เพราะเมื่อเดือนธันวาคม 2524 นายสาธรรมโรเวช กับนางเสาร์ได้กู้ยืมเงินจำเลยไปจำนวน 10,000 บาท แล้วมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวของนางเสาร์ให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ ต่อมานางเสาร์ถึงแก่กรรมลงโดยยังไม่ได้ชำระหนี้ให้จำเลย ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์ในฐานะทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนางเสาร์ชำระหนี้จำนวน 10,000 บาท ให้แก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ที่จำเลยกล่าวอ้างว่านางเสาร์กู้ยืมเงินจำเลย 10,000 บาท นั้น เป็นการกล่าวอ้างขึ้นมาลอย ๆจำเลยไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือมาแสดง ก่อนถึงแก่กรรมนางเสาร์ไม่เคยเล่าให้โจทก์ฟังว่าเป็นหนี้จำเลยอยู่ตามฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางเสาร์ ธรรมโรเวช ตามคำสั่งศาล นางเสาร์เคยกู้ยืมเงินจำเลย จำเลยครอบครองหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับพิพาทของนางเสาร์ไว้
ปัญหาที่ต้องพิจารณาในชั้นฎีกามีว่า จำเลยมีสิทธิยึดหน่วงหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวไว้หรือไม่ เห็นว่าปรากฏตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่านายสา นางเสาร์สามีภริยาได้ยืมเงินจำนวน10,000 บาท นั้น ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือซึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคแรกบัญญัติว่า “การกู้ยืมเงินกว่าห้าสิบบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่” เมื่อหนี้ที่จำเลยอาศัยเป็นมูลเหตุให้ยึดถือ น.ส.3ก. ฉบับพิพาทไม่อาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ฉะนั้นจำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดถือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่กล่าวข้างต้นไว้เป็นประกันหนี้ต่อไปได้ เทียบได้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 229/2532 ประชุมใหญ่ ระหว่าง พันตรีโสภณเกิดนุ่ม โจทก์ นายบรรเจิด ชลวิจารย์ จำเลย คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้ ให้จำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3ก.) เลขที่ 451 หมู่ที่ 4 ตำบลเขื่อน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคามให้โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share