คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ในกรณีที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ขายฝากนำยึดทรัพย์ที่ขายฝากแต่หลุดเป็นสิทธิของผู้ซื้อฝากแล้วนั้นหากก่อนการขายทอดตลาด ผู้ซื้อฝากมาคัดค้านว่าทรัพย์ที่ขายทอดตลาดเป็นของตน ผู้ซื้อรู้แล้วยังขืนซื้อไป ถือว่าผู้ซื้อ ซื้อการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตและแม้จะจดทะเบียนโดยชอบแล้วก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับซื้อฝากบ้านไม้ 2 ชั้นไว้จากนางชดเป็นเงิน 20,000 บาท ได้จดทะเบียนการขายฝากที่อำเภอบางรัก บัดนี้พ้นกำหนดไถ่ถอน บ้านจึงเป็นของโจทก์ ต่อมาวันที่ 29 มิ.ย. 98 จำเลยที่ 1 ได้นำยึดบ้านหลังนี้ กองหมายขายทอดตลาดจำเลยที่ 2 เป็นผู้ซื้อได้ราคา 6,100 บาท การนำยึดและการขายทอดตลาด จำเลยที่ 1 และกองหมายมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบและมิได้ปฏิบัติการไปตามระเบียบและกฎหมาย และจำเลยที่ 2 ซื้อจากการขายทอดตลาดไว้โดยไม่สุจริต จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้เพิกถอนการซื้อขายทอดตลาด

จำเลยที่ 1 ให้การว่า บ้านเป็นของนางชด ๆ เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ไม่ชำระหนี้ จึงขอให้ศาลยึดขายทอดตลาด โจทก์ไม่คัดค้านการยึดและการขายทอดตลาดเป็นความผิดของโจทก์

จำเลยที่ 2 ให้การว่า ฟ้องเคลือบคลุม จำเลยซื้อไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ย่อมได้กรรมสิทธิ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาฟังว่า บ้านพิพาทเดิมเป็นของนางชด ๆ ขายฝากไว้แก่โจทก์ จดทะเบียนขายฝากที่อำเภอบางรักและไม่ได้ไถ่ถอนคืนตามกำหนดบ้านจึงหลุดเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ได้ซื้อบ้านพิพาทไว้จากการขายทอดตลาดและจดทะเบียนโดยชอบนั้น เมื่อโจทก์ได้มาคัดค้านต่อเจ้าพนักงานก่อนจะเคาะไม้ให้จำเลยที่ 2 และมีผู้สู้ราคา 2-3 คนรวมทั้งจำเลยก็รู้และเห็นอยู่ การสู้ราคากันทั้ง ๆ ที่รู้ว่าบ้านพิพาทไม่ใช่ของจำเลยผู้แพ้คดี จึงถือว่าจำเลยที่ 2 ได้ซื้อจากการขายทอดตลาดด้วยความไม่สุจริตและจะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 มาคุ้มครองไม่ได้

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์ให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่กรมการอำเภอบางรักทำให้แก่จำเลยที่ 2

Share