คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3380/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงกันว่า จำเลยกับพวกร่วมกันชำระเงินให้แก่โจทก์ 290,000 บาท โดยแบ่งชำระเป็นงวด หากผิดนัดงวดใดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที โดยยอมส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนให้โจทก์ในสภาพใช้การได้ ถ้าจำเลยชำระหนี้ครบถ้วนก็ให้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ดังกล่าวเป็นของจำเลย เมื่อจำเลยผิดนัดและส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์แล้ว จึงไม่มีหนี้ที่จะบังคับคดีต่อไป โจทก์จะถือเอาจำนวนเงินในสัญญายอมจำนวน 240,000 บาท มาอ้างว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวยังไม่ได้ เพราะหากพิพาทกันในชั้นบังคับคดีต่อไปก็ยังไม่แน่นอนว่าจำเลยจะอ้างชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ โจทก์อาจต้องยอมรับรถคืนตามสัญญาประนีประนอมยอมความ หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องจึงเป็นหนี้ที่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอนตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 9 (3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๘ จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นว่า จำเลยกับพวกยอมร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ ๒๔๐,๐๐๐ บาท โดยแบ่งชำระเป็นงวด หากผิดนัดงวดใด ยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที จำเลยผิดนัดไม่เคยชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์ให้ทนายความทวงถามสองครั้งเป็นระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน แต่จำเลยไม่สามารถชำระหนี้ได้ พฤติการณ์ของจำเลยต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย
จำเลยให้การว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ยอมให้จำเลยกับพวกนำรถยนต์ไปอยู่ในความครอบครอง หากจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญา ยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที โดยจำเลยยอมส่งมอบรถยนต์กับโจทก์ หากจำเลยชำระหนี้ครบถ้วน กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ตกเป็นของจำเลย หลังทำสัญญา จำเลยไม่ประสงค์จะซื้อรถยนต์จากโจทก์ จึงนำรถยนต์ส่งคืนแก่โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับ จำเลยจึงแถลงต่อศาลว่าได้นำรถยนต์ไปวางยังสำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ ภูมิภาคที่ ๗ เพื่อส่งมอบคืนแก่โจทก์ จำเลยจึงไม่มีหนี้สินใด ๆ ต้องรับผิดต่อโจทก์ หากจำเลยเป็นหนี้โจทก์ จำเลยสามารถชำระหนี้ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า หนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นจำนวนไม่แน่นอน แต่เป็นหนี้มีเงื่อนไข พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาประนีประนอมยอมความระบุว่าเมื่อจำเลยผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีโดยส่งมอบรถยนต์คืน ดังนั้นการบังคับคดีเมื่อจำเลยผิดนัด คือการส่งมอบรถยนต์ เมื่อจำเลยผิดนัดและส่งมอบรถยนต์แล้ว จึงไม่มีหนี้ที่จะบังคับคดีต่อไป แม้จะมีข้อพิพาทเรื่องรถยนต์ใช้การได้หรือไม่เพราะโจท์ยังไม่ยอมรับก็ยังไม่เป็นที่ยุติ โจทก์จะถือเอาจำนวนเงินในสัญญาจำนวน ๒๔๐,๐๐๐ บาท มาอ้างว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวยังไม่ได้ เพราะหากพิพาทกันในชั้นบังคับคดีต่อไปก็ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าจำเลยจะต้องชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ โจทก์อาจต้องยอมรับรถคืนตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยไม่มีหนี้ที่โจทก์จะบังคับให้ชำระอีกต่อไป ดังนั้นหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องจึงเป็นหนี้ที่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอน ตามนัยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙ (๓) โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องให้จำเลยล้มละลายไม่ได้
พิพากษายืน

Share