คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การครอบครองที่ดินในฐานะผู้เช่า เป็นการครอบครองที่ดินแทนผู้ให้เช่า ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง
การฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายในกรณีที่การเช่ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น มิใช่เป็นการฟ้องบังคับตามสัญญาเช่า แต่เป็นการฟ้องโดยอาศัยอำนาจกรรมสิทธิ์ของเจ้าของทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๒ ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เนื้อที่ ๑ งานเศษ เมื่อ ๑๐ ปีก่อนฟ้อง จำเลยทั้งสองได้เช่าที่ดินดังกล่าวบางส่วนเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัยโดยไม่มีสัญญาเช่าเป็นหนังสือ ค่าเช่าเดือนละ ๑๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ โจทก์ที่ ๑ ขายที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ที่ ๒ ได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่เช่า จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ทำให้โจทก์ที่ ๒ ขาดประโยชน์ที่ควรได้เดือนละไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองขนย้ายออกไปจากที่ดินและชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๒
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่เคยเช่าที่ดินโจทก์ ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๑ ซึ่งจำเลยที่ ๑ เข้าครอบครองที่ว่างเปล่า เนื้อที่ประมาณ ๔๐ ตารางวาและปลูกบ้านขึ้น แล้วจำเลยที่ ๑ ได้ครอบครองที่พิพาทโดยความสงบ เปิดเผย ในฐานะเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นเวลาประมาณ ๑๗ ปีแล้ว ไม่เคยทราบเรื่องการออกโฉนดของโจทก์ที่ ๑ และการโอนที่ดินตามโฉนดให้โจทก์ที่ ๒ การออกโฉนดและการโอนที่ดินเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากที่พิพาทและให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๒
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเชื่อว่าจำเลยที่ ๑ เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยการเช่า แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า เมื่อจำเลยที่ ๑ เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยการเช่าจึงเป็นการครอบครองที่พิพาทไว้แทนโจทก์ที่ ๑ แม้จำเลยที่ ๑ จะครอบครองที่พิพาทมาเกิน๑๐ ปีก็หาได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ไม่ การฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายในกรณีที่การเช่ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น มิใช่เป็นการฟ้องบังคับตามสัญญาเช่า แต่เป็นการฟ้องโดยอาศัยอำนาจกรรมสิทธิ์ของเจ้าของทรัพย์ เมื่อโจทก์ทั้งสองไม่ประสงค์ให้จำเลยทั้งสองอยู่ในที่พิพาทต่อไปและบอกกล่าวให้ออกแล้ว จำเลยทั้งสองไม่ยอมออก จึงเป็นการอยู่โดยละเมิด โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่และโจทก์ที่ ๒ มีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้ พิพากษายืน.

Share