คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับจ้างขนไม้แปรรูปของกลางให้ ส. และขณะเกิดเหตุจำเลยร่วมกับ ส. ขนไม้แปรรูปจากรถยนต์ของจำเลยที่ใช้รับจ้างขนไม้การที่ ส. เจ้าของไม้นั่งมาในรถและควบคุมไม้มาด้วยตนเองโดยที่ ส. ไม่มีเจตนาสละการครอบครองไม้ให้จำเลยหรือให้จำเลยครอบครองด้วย และจำเลยก็ไม่มีเจตนาครอบครองไม้นั้น ถือว่าส. ครอบครองไม้ดังกล่าวแต่ผู้เดียว จำเลยไม่มีส่วนร่วมในการครอบครอง จึงไม่มีความผิดร่วมกับ ส. ฐานมีไม้ไว้ในครอบครองเมื่อพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยรู้อยู่ว่า ไม้ของกลางเป็นไม้ที่ผิดกฎหมายก็จะลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษไปแล้วร่วมกันมีไม้แดงแปรรูปอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.จำนวน 33 แผ่นปริมาตร 0.62 ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73 ฯลฯ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 48, 73ฯลฯ ให้จำคุก 1 ปีและปรับ 10,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ดังที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยรับจ้างบรรทุกไม้ของกลางให้แก่นายสมาน ศรีอาจ และขณะเกิดเหตุจำเลยได้ร่วมกับนายสมานขนไม้แปรรูปของกลางลงจากรถยนต์ของจำเลยซึ่งใช้รับจ้างขนไม้รายนี้ก็ตาม ศาลฎีกาเห็นว่าในกรณีเช่นนี้เจ้าของไม้คือนายสมานนั่งมาในรถและควบคุมไม้มาด้วยตนเอง นายสมานไม่มีเจตนาสละการครอบครองไม้ให้จำเลยหรือให้จำเลยร่วมครอบครองด้วย ทั้งตัวจำเลยเองก็ไม่มีเจตนาที่จะครอบครองไม้นั้นแต่อย่างใด กรณีย่อมถือว่านายสมานครอบครองไม้แต่ผู้เดียว จำเลยไม่มีส่วนร่วมในการครอบครองด้วย และเนื่องจากจำเลยรับขนไม้โดยจำเลยเป็นเจ้าของของรถยนต์ จำเลยก็อาจช่วยเหลือเจ้าของไม้ขึ้นลงจากรถได้ ซึ่งเป็นเรื่องของน้ำใจในการรับจ้างขนไม้พฤติการณ์เพียงเท่านี้จะฟังว่าจำเลยร่วมกับเจ้าของไม้มีไม้ไว้ในความครอบครองหาได้ไม่ และพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้อยู่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ที่ผิดกฎหมาย ดังนี้ จำเลยจึงไม่ใช่ผู้สนับสนุนในการกระทำผิดรายนี้แต่อย่างใด รูปคดีไม่มีทางที่จะลงโทษจำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องของโจทก์นั้นชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share