คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3294/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำของจำเลยที่โจทก์ฟ้องระบุว่าเป็นความผิดและขอให้ลงโทษ คือการจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 29344 ที่คงเหลือและที่ดินโฉนดเลขที่ 157147 ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยในส่วนนี้โดยมิได้มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งแล้ว จึงเป็นอันยุติ แต่ในส่วนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยเนื่องมาจากการขายที่ดินแปลงย่อย 3 แปลง ซึ่งเป็นที่ดินแปลงอื่นที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องนั้น ย่อมเป็นการพิพากษานอกฟ้อง จึงนำมารับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม ป.อ. มาตรา ๓๕๐, ๘๓ ให้นับโทษจำเลยทั้งสองต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๔๖๒๐/๒๕๓๐, ๔๖๒๑/๒๕๓๐, ๔๖๒๒/๒๕๓๐ ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๓๕๐, ๘๓ ลงโทษจำคุกคนละ ๖ เดือน ที่โจทก์ขอให้นับโทษของจำเลยทั้งสองในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๔๖๒๐/๒๕๓๐, ๔๖๒๑/๒๕๓๐, ๔๖๒๒/๒๕๓๐ ของศาลชั้นต้นนั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวไม่ปรากฏว่าศาลได้มีคำพิพากษาแล้ว จึงให้ยกคำขอในส่วนนี้ และที่โจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๔๐ ขอให้นำโทษของจำเลยที่ ๒ ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๔๗๙/๒๕๓๗ ของศาลชั้นต้น ที่รอการลงโทษไว้บวกเข้ากับโทษในคดีนี้นั้น เนื่องจากโจทก์มิได้ยื่นเป็นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องมาให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงให้ยกคำขอในส่วนนี้เช่นกัน
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับปัญหาที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองนอกคำฟ้องนั้น เห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองที่โจทก์ฟ้องระบุว่าเป็นความผิดและขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองก็คือการจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๙๓๔๔ ที่คงเหลือและโฉนดเลขที่ ๑๕๗๑๔๗ ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค ๒ เห็นพ้องด้วยในส่วนนี้โดยมิได้มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งจึงเป็นอันยุติ แต่ในส่วนที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสอง เนื่องมาจากการขายที่ดินแปลงย่อย ๓ แปลง ซึ่งเป็นที่ดินแปลงอื่นที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองนั้น ย่อมเป็นการพิพากษานอกฟ้องจึงนำมารับฟังลงโทษจำเลยทั้งสองไม่ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๒ วรรคแรก ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาจำเลยทั้งสองประเด็นอื่น รวมทั้งฎีกาโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองสถานหนักและขอบวกโทษจำเลยที่ ๒ อีกต่อไป
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.

Share