แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประเด็นข้อพิพาทซึ่งปรากฏจากคำฟ้องและคำให้การ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไว้ ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวน
การครอบครองที่พิพาทเพื่อทำกินต่างดอกเบี้ย เป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่พิพาท แม้จะครอบครองที่พิพาทมาช้านานเท่าใด ก็ไม่อาจยกเอาการแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ขึ้นมาอ้างอิงได้นอกจากจะได้มีการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามมาตรา 1381 ก่อนจึงจะอ้างสิทธิครอบครองตามมาตรา 1375 ขึ้นมาอ้างอิงได้
การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ยึดถือครอบครองที่พิพาทของเจ้าของที่พิพาทไว้เพื่อทำกินต่างดอกเบี้ยได้ไปขอให้ทางการออกน.ส. 3 แล้ว ต่อมาเจ้าของที่พิพาทได้ไปคัดค้านไว้ กรณีเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือที่พิพาทโดยบอกกล่าวไปยังเจ้าของที่พิพาทว่าตนไม่มีเจตนาที่จะยึดถือที่พิพาทไว้แทนเจ้าของที่พิพาทอีกต่อไปดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1381 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (วรรคนี้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2529)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองที่ดิน ๑ แปลงโจทก์ได้ที่ดินดังกล่าวมาจากนายเคล้า ทิพย์กองลาศ โดยนายเคล้ามอบให้โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้เงินกู้ โจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์ทำนาปลูกข้าว นำสำรวจและเสียภาษีบำรุงท้องที่ตลอดมา เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๘ โจทก์ได้ยื่นคำขอออก น.ส.๓ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ นายเคล้าได้ยื่นคำคัดค้านไว้ ครั้นเดือนตุลาคม ๒๕๒๓โจทก์ทราบว่าจำเลยได้ขอออก น.ส.๓ ก. สำหรับที่ดินดังกล่าว เจ้าพนักงานที่ดินได้ออก น.ส.๓ ก. ให้จำเลย ซึ่งเป็นการออก น.ส.๓ ก. ให้จำเลยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้พิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าว ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องและให้เพิกถอน น.ส.๓ ก. ฉบับดังกล่าว
จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยได้รับการยกให้มาจากนายเคล้า ทิพย์กองลาศ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ จำเลยได้ครอบครองเป็นเจ้าของมาเกิน ๑ ปีแล้วซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินได้ออก น.ส.๓ ก.ให้จำเลย เดิมนายเคล้าบิดาจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไป ๓,๐๐๐ บาท มอบที่นาพิพาทให้โจทก์ทำกินแทนดอกเบี้ยและเสียภาษีบำรุงท้องที่แทนด้วย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออก น.ส.๓ ก. นายเคล้าบิดาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่พิพาทได้คัดค้านไว้ เจ้าพนักงานที่ดินจึงไม่ออก น.ส.๓ ให้ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๒๑ บิดาจำเลยได้ยกที่พิพาทให้จำเลย จำเลยได้เข้าทำนาในปีนั้นโจทก์รู้เห็นและไม่ทักท้วง ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๒๒ จำเลยได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออก น.ส.๓ ก. โจทก์ทราบแต่ไม่คัดค้าน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอน น.ส.๓ ก. ซึ่งเป็นชื่อนายเชวงทิพย์กองลาศ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องและนำสืบอ้างว่านายเคล้าได้ยกที่นาตีใช้หนี้แก่โจทก์ ซึ่งจำเลยปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่านายเคล้าได้ยกที่พิพาทตีใช้หนี้ให้แก่โจทก์จริงหรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์หาได้วินิจฉัยถึงประเด็นข้อนี้ไม่ ซึ่งศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนศาลฎีกาวินิจฉัยโดยฟังข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า นายเคล้าได้ยกที่พิพาทตีใช้หนี้ให้แก่โจทก์ และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าการที่โจทก์ครอบครองที่พิพาทเพื่อทำกินต่างดอกเบี้ยนั้นเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของนายเคล้าซึ่งเป็นเจ้าของที่พิพาทแม้โจทก์จะครอบครองที่พิพาทมาช้านานเท่าใด ก็ไม่อาจยกเอาการแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕ ขึ้นมาอ้างอิงได้ นอกจากจะได้มีการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามมาตรา ๑๓๘๑ เสียก่อน จึงจะอ้างสิทธิครอบครองตามมาตรา ๑๓๗๕ ได้ การที่โจทก์ขอให้ทางการออก น.ส.๓ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นั้น ทางพิจารณาได้ความแต่เพียงว่า ทางอำเภอประกาศให้เจ้าของที่ดินไปขอออก น.ส.๓ โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทนี้อยู่จึงได้ไปขอออก น.ส.๓ เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนโจทก์และออกไปสำรวจที่ดิน แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่มิได้ออก น.ส.๓ ให้โจทก์โดยแจ้งว่านายเคล้ามาคัดค้านไว้ หลังจากนั้นไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ดำเนินการอย่างไรต่อไปอีกศาลฎีกา โดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าการที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ยึดถือครอบครองที่พิพาทของนายเคล้าบิดาจำเลยไว้เพื่อทำกินต่างดอกเบี้ยได้ไปขอให้ทางการออก น.ส.๓ แล้วต่อมานายเคล้าได้ไปคัดค้านไว้ กรณีเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่า โจทก์ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือที่พิพาทโดยบอกกล่าวไปยังนายเคล้าว่าตนไม่มีเจตนาที่จะยึดถือที่พิพาทไว้แทนนายเคล้าอีกต่อไป ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๓๘๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรณีจึงต้องถือว่าโจทก์ยังคงถือครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของนายเคล้าอยู่ต่อไป เมื่อโจทก์ยังครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของนายเคล้าอยู่เช่นนี้ แม้โจทก์จะครอบครองที่พิพาทมาช้านานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครองเป็นเจ้าของในที่พิพาทดังกล่าว เมื่อที่พิพาทยังเป็นของนายเคล้า นายเคล้าย่อมมีสิทธิจะยกที่พิพาทให้แก่จำเลยได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่และไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอน น.ส.๓ ก. ที่ทางการออกให้แก่จำเลยนั้นได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.