แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ไม่มาศาลหลังจากสืบพยานโจทก์บ้างแล้วนั้นศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา166 ได้ เพราะโจทก์ยังมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติต่อศาลคือนำพยานเข้าสืบอีก หากไม่ติดใจสืบก็ต้องแถลงให้ศาลทราบ และเรื่องการไม่มาศาลตามกำหนดนัดนี้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้บัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้ว จึงจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเรื่องการพิจารณาโดยขาดนัดมาอนุโลมบังคับหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 326, 328
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ชั้นพิจารณา หลังจากสืบพยานโจทก์ได้ 3 ปาก ในวันสืบพยานโจทก์นัดต่อไปโจทก์ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุ ศาลชั้นต้นจึงให้ยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 181 ประกอบกับมาตรา 166 ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้อง ก่อนถึงวันนัดไต่สวนคำร้องโจทก์ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้งดการไต่สวนคำร้องเพื่อรอฟังผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยบทบัญญัติมาตรา 166 ประกอบกับมาตรา 181 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหมายถึงกรณีชั้นไต่สวนมูลฟ้องเท่านั้น หากเป็นชั้นพิจารณาจะนำมาตรา 166มาอนุโลมใช้ได้เฉพาะการพิจารณาในนัดแรก เห็นว่า ข้อความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 181 มีเพียงว่า “ให้นำบทบัญญัติในมาตรา 139 และ 166 มาบังคับแก่การพิจารณาโดยอนุโลม” หาได้มีข้อความที่กำหนดถึงการพิจารณานัดแรกหรือนัดต่อไปไม่ การที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดและศาลพิพากษายกฟ้องเป็นวันที่โจทก์มีหน้าที่จะต้องนำพยานเข้าสืบต่อจากนัดแรก ยังมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติต่อศาล หากไม่ติดใจสืบก็ต้องแถลงให้ศาลทราบ เพื่อศาลจะได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ ศาลจะพิพากษาคดีไปทั้งที่โจทก์ยังติดใจสืบพยานต่ออยู่ และยังมิได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาทางฝ่ายจำเลยหาได้ไม่ บทบัญญัติมาตรา 166 จึงให้อำนาจศาลชั้นต้นยกฟ้องเสียได้และเรื่องไม่มาศาลตามกำหนดนัดมีบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งในมาตรา 166แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้วว่าให้ศาลชั้นต้นปฏิบัติอย่างไรบ้าง จึงจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในเรื่องขาดนัดพิจารณามาอนุโลมบังคับใช้อีกหาได้ไม่
พิพากษายืน