คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2267/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเคยแถลงต่อศาลว่าจะขนย้ายทรัพย์ออกจากตึกแถวพิพาท เคยยื่นคำร้องว่าเป็นบริวารของจำเลยและลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาในฐานะเป็นบริวารจำเลย จึงเป็นการยอมรับมาแต่ต้นว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย ผู้ร้องจะมายื่นคำร้องในภายหลังว่าผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยอีกหาได้ไม่
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุด โดยวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและตึกแถวพิพาท ผู้ร้องซึ่งมีฐานะเป็นเพียงบริวารของจำเลย จึงไม่อาจเถียงได้อีกต่อไปว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาท

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกแถวของโจทก์ตามที่โจทก์ฟ้อง และมีการดำเนินการบังคับคดี ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องมิใช่บริวารของจำเลย ผู้ร้องอยู่ในตึกแถวพิพาทโดยอาศัยสิทธิของนางบุญศรีมารดาผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าบ้าน โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาท ขอให้งดการบังคับคดี

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยและอยู่ในตึกแถวพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยจึงเป็นบริวารของจำเลย ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ผู้ร้องขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากตึกแถวพิพาทและส่งมอบตึกแถวพิพาทให้แก่โจทก์

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในเบื้องต้นเมื่อโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่านางบุญศรีภรรยาจำเลยและผู้ร้องบุตรของจำเลยซึ่งเป็นบริวารของจำเลยไม่ยอมออกไปจากตึกแถวพิพาทผู้ร้องและนางบุญศรีได้แถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้ร้องและนางบุญศรีไม่ได้เข้าไปอยู่ในตึกแถวพิพาทแล้ว และผู้ร้องได้แถลงรับว่าจะย้ายสิ่งของออกไปภายในวันที่ 26 สิงหาคม 2522 ถ้าครบกำหนดไม่ยอมออกไปก็ให้ศาลออกหมายจับได้ทันที โจทก์ยอมตามที่ผู้ร้องแถลง ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ผู้ร้องปฏิบัติตามที่แถลง ต่อมาวันที่ 6 กันยายน 2522 โจทก์ยื่นคำร้องว่าผู้ร้องยังมิได้ขนย้ายออกไปจากตึกแถวพิพาท ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายจับผู้ร้องเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไป ศาลชั้นต้นได้ออกหมายจับผู้ร้อง ครั้นวันที่ 13 กันยายน 2522 ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นความว่าผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยขอมอบตัวต่อศาลและขอทำสัญญาประกันต่อศาลว่าจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากตึกแถวพิพาทภายใน 15 วัน ผู้ร้องได้ลงชื่อในฐานะบริวารจำเลยไว้ด้วย อันเป็นการยอมรับโดยชัดแจ้งว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า เห็นควรให้โอกาสแก่บริวารจำเลย จึงมีคำสั่งให้นายชัยยะบริวารจำเลย (ผู้ร้อง) ขนย้ายออกไปจากตึกแถวพิพาทของโจทก์ภายในวันที่ 28 กันยายน 2522 โดยให้นายชัยยะทำสัญญาประกันไว้ ผู้ร้องได้ลงชื่อในฐานะบริวารจำเลยในท้ายรายงานดังกล่าวและได้ทำสัญญาประกันต่อศาลในฐานะบริวารจำเลยด้วย แสดงว่าผู้ร้องยอมรับมาแต่ต้นว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยดังนั้น ผู้ร้องจะมายื่นคำร้องในภายหลังว่าผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยอีกหาได้ไม่ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาท ปรากฏว่าคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีถึงที่สุดโดยวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและตึกแถวพิพาทผู้ร้องมีฐานะเป็นเพียงบริวารของจำเลย จึงไม่อาจเถียงได้อีกต่อไปว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาท

พิพากษายืน

Share