แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 บัญญัติให้ริบทรัพย์สินอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดเฉพาะไม้หรือของป่าเท่านั้น มิได้บัญญัติให้ริบทรัพย์สินอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดซึ่งได้แปรสภาพจากไม้และของป่าไปเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นด้วยถ่านของกลางไม่มีสภาพเป็นไม้หรือของป่า แต่เป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้มาโดยได้กระทำผิดฐานแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจึงชอบที่จะนำหลักทั่วไปในการริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 มาใช้บังคับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ตัดฟันไม้โกงกางแล้วนำไม้ที่ตัดฟันนั้นแปรรูปโดยเผาเป็นถ่านโดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าพนักงานยึดถ่านดังกล่าวและไม้ที่ยังไม่ได้เผาเป็นของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11, 48, 73, 74 ; (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 6; (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17 ฯลฯ ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน และปรับ 6,000 บาท ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ริบไม้ของกลางส่วนถ่านของกลางเป็นวัตถุธาตุที่ได้จากการเอาไม้ไปเผาหรืออบ ไม่มีสภาพเป็นไม้ จึงไม่เป็นไม้แปรรูปหรือของป่าอันจะต้องพึงริบตามความหมายของพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 จึงให้ยกคำขอส่วนนี้เสีย คืนถ่านของกลางให้เจ้าของไป
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบถ่านของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 คงบัญญัติให้ริบทรัพย์สินอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดเฉพาะไม้หรือของป่าเท่านั้น มิได้บัญญัติให้ริบทรัพย์สินอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดซึ่งได้แปรสภาพจากไม้และของป่าไปเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นด้วย ถ่านของกลางไม่มีสภาพเป็นไม้หรือของป่า แต่เป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้มาโดยได้กระทำผิดฐานแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน จึงชอบที่จะนำหลักทั่วไปในการริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาใช้บังคับในกรณีเช่นนี้ ฉะนั้น เมื่อถ่านของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้มาโดยการกระทำผิดจึงเป็นทรัพย์สินที่ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบได้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้ริบถ่านของกลางนอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์