คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อผู้เช่าและผู้ให้เช่าเรือนและบริเวณตกลงกันไว้ในสัญญาเช่าว่า ผู้ให้เช่าอนุญาตให้ผู้เช่าทำการเช่าช่วงได้แต่เมื่อผู้เช่าให้ผู้ใดเช่าช่วงแล้วต้องบอกกล่าวให้ผู้ให้เช่าทราบทุกคราวไปที่มีการเช่าช่วง เช่นนี้แม้เมื่อผู้เช่าให้เช่าช่วงไปแล้วจะมิได้บอกกล่าวให้ผู้ให้เช่าทราบก็ยังถือว่าผู้เช่าไม่ผิดสัญญา เพราะการที่ไม่บอกนั้นไม่เป็นสาระสำคัญถึงกับจะทำให้สัญญาเช่าเสียไปอย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าเรือนเลขที่ 49 ถนนเสือป่า อำเภอป้อมปราบจังหวัดพระนคร ซึ่งเป็นของพระยาผดุงวิทยาเสริม และต่อมาโจทก์ได้รับเป็นมรดกตามสัญญาเช่าจะให้ผู้อื่นเช่าช่วงไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า ต่อมาจำเลยได้ให้ผู้อื่นเช่าช่วงไปและ ฯลฯ จึงฟ้องให้ศาลบังคับให้จำเลยออกจากบ้านไปและให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยต่อสู้เป็นประเด็นเฉพาะมาสู่ศาลฎีกาว่า การให้เช่าช่วงจำเลยได้บอกกล่าวให้โจทก์ทราบแล้วตามข้อตกลงในสัญญา (ข้อ 8)

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชนะคดี

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาข้อ 8 ผู้ให้เช่าอนุญาตให้ผู้เช่าทำการให้เช่าช่วงได้ แต่ต้องบอกให้ผู้ให้เช่าทราบทุกคราว เช่นนี้ถือว่ามีข้อตกลงกันไว้ว่าให้เช่าช่วงได้ และเมื่อให้เช่าช่วงไปแล้วผู้เช่าไม่บอกให้ผู้ให้เช่าทราบ ก็ยังไม่เป็นสาระสำคัญขนาดที่จะขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าได้ เพราะไม่มีข้อตกลงไว้ให้ชัดเจนว่าจะต้องบอกเมื่อใด หรือถ้าไม่บอกจะว่าอย่างไรก็มิได้ว่าไว้จึงพิพากษายืน

Share